ข่าว

"นิพนธ์" ถกศปถ. 25 จ.ภาคกลาง ย้ำ เมื่อคลายล็อก ต้องเข้มงวดวินัยจราจร

"นิพนธ์" ถกศปถ. 25 จ.ภาคกลาง ย้ำ เมื่อคลายล็อก ต้องเข้มงวดวินัยจราจร

09 ก.ย. 2564

"นิพนธ์" ถก ศปถ. 25 จ.ภาคกลาง ย้ำ เมื่อคลายล็อกโควิด -19 ต้องเข้มงวดวินัยจราจร ป้องกันไม่ให้การเสียชีวิตบนถนนเพิ่มขึ้น เผยตัวเลขปีนี้พบมีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนเกือบหมื่นราย

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ รุ่นที่ 4 ( กรุงเทพฯและจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง 25 จังหวัด) ผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก

 

จากข้อมูลจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ระหว่างเดือนมกราคม - ปัจจุบัน 2564 มีผู้เสียชีวิตสะสม 9,237 ราย และบาดเจ็บสะสม 602,914 คน 

โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้นำกรอบแนวทางการดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ปฏิญญาสตอกโฮล์ม และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์มาขับเคลื่อนการดำเนินงาน 

 

โดยมีเป้าหมายลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ให้เหลือ 12 คน ต่อประชากรแสนคนภายในปี 2570 และในปีพ.ศ. 2565 ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตให้เหลือ 22.85 คนต่อประชากรแสนคน

นอกจากนี้ให้ดำเนินตามแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยให้ความสำคัญกับกลไกในการขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.)ทุกระดับ ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น

 

กำหนดเป็น “วาระจังหวัด” ที่จะต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในพื้นที่และให้มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

 

 เพื่อได้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง ให้เร่งจัดตั้งศปถ.ท้องถิ่นให้ครบทุก อปท. จัดทำแผน/โครงการด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตามบริบทของสภาพปัญหาในพื้นที่ และความจำเป็นบรรจุไว้ในแผนจังหวัด แผนอำเภอ แผนพัฒนาท้องถิ่น แผนปกติของหน่วยงาน เป็นต้น

 

 และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ลดการสูญเสียและผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างแท้จริงนำไปสู่ ”ตำบลขับขี่ปลอดภัย” เน้นให้ความสำคัญกับด่านต่างๆ เช่น ด่านโรงเรียน ด่านบ้าน ด่านโรงงาน

 

ซึ่งถือเป็นด่านสำคัญที่จะทำให้การขับขี่ การใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งสำรวจ จุดเสี่ยง จุดอันตราย ป้ายบอกทาง และไฟฟ้าส่องสว่าง เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย

 

ทั้งนี้ให้ถอดบทเรียนจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19 ) ของประเทศไทย และนำมาบูรณาการปรับใช้ในการตั้งด่านหรือจุดตรวจเพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่และหลังจากปลดการควบคุมเข้มข้นของโรคไวรัสโควิด -19 แล้วต้องดูแลการจราจรอย่างเข้มข้นต่อไป ซึ่งขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตบนท้องถนนเกือบหมื่นรายแล้ว