"ตรีนุช" ลุ้นเปิดเรียนเต็มรูปแบบ เร่งฉีดวัคซีนให้ครูครบทุกคน
การเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครู เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการเปิดเรียนเต็มรูปแบบ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ล่าสุด "ตรีนุช" เผยเร่งฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ทำให้ครูได้รับวัคซีนกว่า 70% และกำลังเร่งทยอยฉีดในส่วนที่เหลือ พร้อมเร่งสำรวจเด็กที่ต้องรับวัคซีนอีกด้วย
มีทั้งกระแสหนุนและกระแสต้านจากพ่อแม่ผู้ปกครอง หากสถานศึกษาจะเปิดเรียนเต็มรูปแบบท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ที่ยังพบผู้ติดเชื้อรายวันหลักหมื่นและมีผู้ป่วยเสียชีวิตหลักร้อย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หนังสือด่วนที่สุด ประกาศ “เปิดเทอม” 1 พฤศจิกายน
- เช็กที่นี่ ประกาศรายชื่อรร. ที่อนุญาตให้ "เปิดเรียนเต็มรูปแบบ" 1 ก.ย.นี้
- หลอกครูและคนทั้งประเทศ 'เลื่อนการเปิดเทอมทิพย์' อีกแล้ว
ขณะเดียวกันก็มีความเป็นห่วงความปลอดภัยของนักเรียนหากครูและบุคลากรทางการศึกษายังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ล่าสุดมีความคืบหน้าในเรื่องนี้จากผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายการเมืองที่รับผิดชอบกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.)กล่าวผ่านรายการ “รมว.ศธ. พบเพื่อนครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ” เมื่อเร็วๆ นี้ว่า นอกจากเรื่องของการจ่ายเงินเยียวยานักเรียน 2,000บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้พ่อแม่ผู้ปกครองแล้ว ศธ.ก็มีโครงการที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กนักเรียน
“ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเร่งรัดการฉีดวัคซีน ให้กับครูมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งศธ.ได้วางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียนแล้ว ในขณะนี้เราได้ฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาไปแล้วกว่า 70% และกำลังเร่งทยอยฉีดในส่วนที่เหลือ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า ในการเร่งรัดการฉีดวัคซีนก็เพื่อไม่ให้เด็กนักเรียน สูญเสียการเรียนรู้ในช่วงเวลานี้ ซึ่งสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการคิดมาตลอด คือ ไม่มีการเรียนรู้รูปแบบใดที่จะดีไปกว่าการที่เด็กได้ไปเรียนในโรงเรียนแบบ On Site หรือการเรียนเต็มรูปแบบในห้องเรียนจริง
“เพราะในการเรียนของเด็กนั้น ไม่ใช่เรื่องของการศึกษาหาความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับเพื่อน ระหว่างครูกับนักเรียน ระหว่างนักเรียนกับสังคมเข้ามาด้วย รวมถึงเป็นการลดความเครียดของเด็ก เหล่านี้จึงจะเป็นการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ได้”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า นี่เป็นสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการได้พยายามคิดอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้การเรียนแบบ On Site เกิดขึ้นได้ ภายใต้ความปลอดภัย ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขก็ได้เปิดเผยข้อมูลการฉีดวัคซีน ที่จะมีการนำเข้ามาฉีดให้กับเด็กและเยาวชน อายุ 17-18 ปี ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อม
“ดิฉันพร้อมด้วย ปลัด ศธ. เลขาธิการ กพฐ. และผู้บริหารหน่วยงานหลักของกระทรวงศึกษาธิการ จะได้มีการพูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องของการเตรียมพร้อมการวางแผนการฉีดวัคซีน หากมีวัคซีนเข้ามาตามแผนปฏิทินที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้กับเด็กอย่างรวดเร็วที่สุดได้อย่างไร จะมีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบ”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการฉีควัคซีนโควิด-19 ต้องคำนึงถึงว่าวัคซีนอะไรที่เหมาะสมจะฉีดให้กับนักเรียน ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการสำรวจรายชื่อเด็กนักเรียน
โดยทางเลขาธิการ กพฐ. ได้มีการประสานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้สำรวจว่ามีเด็กนักเรียนในสังกัดเท่าไหร่ รวมถึงการยินยอมของผู้ปกครองที่จะยินยอมให้บุตรหลานได้รับการฉีดวัคซีนว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเราจะเร่งกระบวนการในส่วนนี้ต่อไป