ข่าว

"พ.ร.บ.ลงประชามติ" ประกาศลงราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้แล้ว

"พ.ร.บ.ลงประชามติ" ประกาศลงราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้แล้ว

15 ก.ย. 2564

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้ "พ.ร.บ.ลงประชามติ" มีผลบังคับใช้แล้ว กำหนดสาระสำคัญของการออกเสียงลงประชามติ หนึ่งในหัวข้อสำคัญ ลงประชามติ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

 

พลันที่"ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ" แห่งราชอาณาจักรไทย ในประเด็นบัตรเลือกตั้ง ผ่านการลงมติเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาในวาระ 3 เป็นที่เรียบร้อย อีกด้านหนึ่ง "ราชกิจจานุเบกษา"ได้ประกาศให้"พ.ร.บ.การลงประชามติ" พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้ เช่นเดียวกัน 

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 ที่ผ่านมา "ราชกิจจานุเบกษา" เผยแพร่ "พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564  " โดยกำหนดในมาตรา 2  ให้มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

 

สำหรับ "พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564"  มีจำนวนทั้งสิ้น 9 หมวด  85 มาตรา

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาระสำคัญของการออกเสียงประชามติ อยู่ที่ มาตรา 9 ดังนี้  ให้คณะกรรมการ(ซึ่งก็คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) )  มีหน้าที่และอำนาจจัดและควบคุมดูแลการออกเสียงให้เป็นไป โดยสุจริต เที่ยงธรรม เสรี เสมอภาค และชอบด้วยกฎหมาย

 

การออกเสียงตามพระราชบัญญัตินี้ มีดังต่อไปนี้

 

(1) การออกเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ ในรัฐธรรมนูญ

 

(2) การออกเสียงกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุอันสมควร

 

(3) การออกเสียงตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการออกเสียง

 

( 4 ) การออกเสียงในกรณีที่รัฐสภาได้พิจารณาและมีมติเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรที่จะให้มี การออกเสียงและได้แจ้งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ

 

( 5 ) การออกเสียงกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบ

อนึ่ง หลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 9 (5 ) อย่างน้อยต้องมีรายละเอียด เกี่ยวกับจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน

\"พ.ร.บ.ลงประชามติ\" ประกาศลงราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้แล้ว

ในการออกเสียง ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด การออกเสียงในเรื่องที่มีผล กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ จะกระทำมิได้

 

ในกรณีที่จะต้องดำเนินการออกเสียงตามวรรคสอง เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการออกเสียง หรือเมื่อประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วแต่กรณี ให้นายกรัฐมนตรีประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามวันที่กำหนดตามที่ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการ

 

 

นอกจากนี้ การลงคะแนนให้ได้ข้อยุติ  ได้กำหนดไว้ในมาตรา 13  ระบุว่า "การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้ สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้ สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น"

 

อ่านรายละเอียด "พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติ" พ.ศ.2564 ฉบับเต็มได้ที่นี่..... 

 

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/059/T_0001.PDF