"พ.ร.บ.ลงประชามติ" ประกาศลงราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้แล้ว
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้ "พ.ร.บ.ลงประชามติ" มีผลบังคับใช้แล้ว กำหนดสาระสำคัญของการออกเสียงลงประชามติ หนึ่งในหัวข้อสำคัญ ลงประชามติ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
พลันที่"ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ" แห่งราชอาณาจักรไทย ในประเด็นบัตรเลือกตั้ง ผ่านการลงมติเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาในวาระ 3 เป็นที่เรียบร้อย อีกด้านหนึ่ง "ราชกิจจานุเบกษา"ได้ประกาศให้"พ.ร.บ.การลงประชามติ" พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้ เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 ที่ผ่านมา "ราชกิจจานุเบกษา" เผยแพร่ "พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 " โดยกำหนดในมาตรา 2 ให้มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
สำหรับ "พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564" มีจำนวนทั้งสิ้น 9 หมวด 85 มาตรา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เสียงท่วมท้น 611:4 รัฐสภาผ่านฉลุย ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ
- "สภาล่ม" เลื่อน พ.ร.บ.ประชามติ ไปสมัยหน้า "ฝ่ายค้าน" จี้ "รัฐบาล" รับผิดชอบ ไล่ลาออกหากสุดท้ายไม่ผ่านวาระ 3
- แก้รัฐธรรมนูญ เสริมแกร่งบัลลังก์ บิ๊กตู่
สาระสำคัญของการออกเสียงประชามติ อยู่ที่ มาตรา 9 ดังนี้ ให้คณะกรรมการ(ซึ่งก็คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ) มีหน้าที่และอำนาจจัดและควบคุมดูแลการออกเสียงให้เป็นไป โดยสุจริต เที่ยงธรรม เสรี เสมอภาค และชอบด้วยกฎหมาย
การออกเสียงตามพระราชบัญญัตินี้ มีดังต่อไปนี้
(1) การออกเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ ในรัฐธรรมนูญ
(2) การออกเสียงกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุอันสมควร
(3) การออกเสียงตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการออกเสียง
( 4 ) การออกเสียงในกรณีที่รัฐสภาได้พิจารณาและมีมติเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรที่จะให้มี การออกเสียงและได้แจ้งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ
( 5 ) การออกเสียงกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบ
อนึ่ง หลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 9 (5 ) อย่างน้อยต้องมีรายละเอียด เกี่ยวกับจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน
ในการออกเสียง ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด การออกเสียงในเรื่องที่มีผล กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ จะกระทำมิได้
ในกรณีที่จะต้องดำเนินการออกเสียงตามวรรคสอง เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการออกเสียง หรือเมื่อประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วแต่กรณี ให้นายกรัฐมนตรีประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามวันที่กำหนดตามที่ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการ
นอกจากนี้ การลงคะแนนให้ได้ข้อยุติ ได้กำหนดไว้ในมาตรา 13 ระบุว่า "การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้ สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้ สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น"
อ่านรายละเอียด "พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติ" พ.ศ.2564 ฉบับเต็มได้ที่นี่.....
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/059/T_0001.PDF