"ม.วลัยลักษณ์" เจ้าภาพถก 8 ชาติ เตรียมพร้อม ความมั่นคงอาหาร
ฟื้นฟูความเป็นหุ้นส่วนระดับโลก เพื่อเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน "ม.วลัยลักษณ์" ร่วมมือ ศูนย์ซิมิโอ ยูเนสโก อบรมนานาชาติออนไลน์ ถ่ายทอดประสบการณ์องค์ความรู้ด้านการเกษตรอัจฉริยะของไทย หวังเตรียมพร้อมด้านความมั่นคงอาหารในอนาคต
อาหารปัจจัยหลักในการดำรงชีพ แต่โลกของอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่อาหารจะไม่เพียงพอกับความต้องการของพลเมืองโลกเฉียดหมื่นล้านคน ล่าสุดมีความพยายามระดับนานาชาติเพื่อเตรียมความพร้อมความมั่นคงอาหาร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ม.วลัยลักษณ์ปลื้มนักเรียนทั่วประเทศแห่สมัคร TCAS ปี'64 รอบ Portfolio เพิ่มขึ้นจากปี '63 กว่า 1 เท่าตัว
- "ม.วลัยลักษณ์" วิจัยมังคุด-ส้มแขก สู่ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเชิงพาณิชย์
- ไม่บังคับ “บอร์ด กพฐ.” เคาะเปิดภาคเรียน 1 พฤศจิกายน สลับมาเรียน วันละ 5-6 คน
- เปิดเทอมแน่“ตรีนุช” นำผู้บริหารศธ.-สธ. แถลงพร้อมเปิดภาคเรียนเทอม2
- เปิดเรียนเต็มรูปแบบ “ปลัดศธ.” ย้ำรร.ต้องมีนักเรียน-ครูได้ฉีดวัคซีนก่อน
รศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี หัวหน้าสถานวิจัย สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ร่วมกับ ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ศูนย์ SEAMEO STEM-ED) องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
และมหาวิทยาลัยลัยลักษณ์ โดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์และการจัดการ จัดโครงการฝึกอบรมนานาชาติ เรื่อง เกษตรกรรมแบบอัจฉริยะเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : การฝึกปฏิบัติการจัดการฟาร์มแบบอัจฉริยะ (Climate Smart Agriculture: Smart Farming Practices Online Workshop) ระหว่างวันที่ 6-24 กันยายน 2564
โดยมีผู้สนใจ 70 คน จาก 8 ประเทศ ประกอบด้วย จีน บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนามและไทย เข้าร่วมอบรมผ่านระบบออนไลน์
โดยใช้สถานที่ในการถ่ายทอดสดการอบรม จากม.วลัยลักษณ์ และสวนส้มโอทับทิมสยาม จังหวัดนครศรีธรรมราช
รศ.ดร.กฤษณะเดช กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญในการถ่ายทอดประสบการณ์องค์ความรู้ด้านการเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทยให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม ตอบสนองต่อความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเสริมสร้างความร่วมมือในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในภาคการเกษตร ช่วยส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ
“และเตรียมพร้อมด้านความมั่นคงอาหาร ที่สำคัญยังสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทาง ของ Sustainable Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ ข้อที่ 2 ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงด้านอาหาร
และปรับปรุงโภชนาการ และส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน และข้อที่ 17 เสริมสร้างวิธีการดำเนินการและฟื้นฟูความเป็นหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย” รศ.ดร.กฤษณะเดช กล่าว
สำหรับกิจกรรมในการอบรมมีการเวิร์กช็อปในหัวข้อต่างๆ อาทิ การใช้นวัตกรรมทางการเกษตรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม การใช้การพยากรณ์อากาศในการเพาะปลูก เรียนรู้ผลกระทบจากสภาพอากาศ การใช้เทคโนโลยีช่วยในการพยากรณ์อากาศและระบบเตือนภัย การลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศแปรปรวน การใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ and IoT (Internet of Things) ฯลฯ
รศ.ดร.กฤษณะเดช กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อปริมาณการผลิตพืชผลทางการเกษตร ดังนั้นการทำการเกษตรอัจฉริยะจึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญของการทำการเกษตรในศตวรรษที่ 21 หากเกษตรกรใช้เทคโนโลยีที่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ มีเทคนิคในการตัดสินใจบนข้อมูลที่ถูกต้อง จะช่วยลดต้นทุนและสามารถควบคุมคุณภาพผลผลิต สร้างมาตรฐานการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์และการจัดการ ม.วลัยลักษณ์ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในการนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ สถานีตรวจอากาศอัตโนมัติ สถานีวัดดินที่มีเซนเซอร์วัดความชื้นในดิน เซนเซอร์วัดอุณหภูมิดินและค่าความชื้นที่ผิวใบ เซนเซอร์ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ กล้องบันทึกภาพสิ่งแวดล้อม IoT เทคโนโลยีในการเกษตร
เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลสภาพอากาศและดินที่ใช้สำหรับการทำเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งการฝึกอบรมในครั้งนี้คาดว่าผู้เข้าอบรมจะนำความรู้ที่ได้รับ ไปต่อยอดการทำเกษตรสมัยใหม่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและพัฒนาระบบเกษตรในประเทศของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อไป”รศ. ดร.กฤษณะเดช กล่าว