กรมควบคุมมลพิษ สั่งล่า "บริษัทชุ่ย" ทิ้งกากขยะพิษ ในจังหวัดลพบุรี
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เร่งดำเนินการเอาผิด "บริษัทชุ่ย" ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในจังหวัดลพบุรี พบถังสารเคมี 300-400 ถัง ถูกทิ้งบนที่ดินกว่า 4 ไร่ สั่งหยุดจ่ายน้ำให้ชาวบ้านแล้ว
วันนี้ (17ก.ย.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับตำรวจ-กอ.รมน.-บก.ปทส. ลงพื้นที่ตรวจบ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี หลังชาวบ้านแจ้งพิกัดมีการลักลอบทิ้งถังสาร "เคมีอันตราย" ในพื้นหมู่ 4 ซอย 11 ระหว่างถนนสายโท-ถนนจัตวา พบว่า มีการลักลอบทิ้งถังบรรจุสาร "เคมีอันตราย" ไว้เป็นจำนวนมาก ถูกทิ้งกองไว้ มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนในพื้นที่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.ลพบุรี
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า พื้นที่ลักลอบทิ้งสาร "เคมีอันตราย" มีพื้นที่ทั้งหมด 24 ไร่ โดยมีการใช้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่เศษ ในการทิ้งกากอุตสาหกรรมสารเคมี โดยพบถังสารเคมีขนาด 200 ลิตร จำนวน 300-400 ถัง มีลักษณะถูกบีบอัด จนกากอุตสาหกรรมกระจายไปทั่วบริเวณ ล่าสุดเทศบาลได้สั่งหยุดการให้น้ำกับประชาชนแล้ว
"พบว่า ตัวอย่างบางส่วนของ สาร "เคมีอันตราย" สามารถลุกติดไฟได้ บ่งชี้ได้ว่า เข้าข่ายเป็นกากอุตสาหกรรมประเภทอันตราย ขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างน้ำ จำนวน 5 ตัวอย่าง รวมถึงน้ำผิวดินจากบ่อน้ำ ที่ประชาชนเคยประโยชน์ด้วย ซึ่งการลักลอบทิ้งกากอันตราย เกิดจากค่าจ้างในการกำจัดมีราคาแพง ทำให้ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย "
นายอรรถพล บอกว่า จากนี้จะดำเนินการเอาผิดกับเจ้าของที่ดิน และผู้ประกอบการที่ลักลอบนำสาร "เคมีอันตราย" มาทิ้ง ซึ่งฝ่ายปกครองได้แจ้งความกับเจ้าที่ตำรวจท้องที่แล้ว โดยความผิดฐาน 5 กระทงในเบื้องต้น ในการลักลอบทิ้งกากสารเคมีอุตสาหกรรม ตาม พรบ.โรงงาน โดยมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท
สำหรับการกำจัดสาร "เคมีอันตราย" ทั้งหมด คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการจัดการประมาณหลายร้อยล้านบาท ซึ่งผู้ที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย คือ ผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย หากเจ้าของที่ดินให้ความร่วมมือ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ความผิดก็จะเบาบางลง แม้เบื้องต้นจะให้การปฏิเสธ แต่ทุกอย่างพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐาน