ข่าวดี โควิด "สายพันธุ์เดลตา" ยุติใน 6 เดือน กลายเป็นโรคประจำถิ่น
ข่าวดี ผลวิจัย ชี้ การระบาดโควิด-19 "สายพันธุ์เดลตา" คลื่นลูกสุดท้าย ยุติใน 6 เดือน-1 ปี กลายเป็นโรคประจำถิ่น ส่วนไทย แทนที่ด้วย สายพันธุ์เดลตาย่อย "AY.30"
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โพสต์ข้อความ ทางเฟซบุ๊ค Center for Medical Genomics เผยข่าวดี สำหรับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ "เดลตา" ว่า ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเห็นตรงกันว่า การระบาดใหญ่ไปทั่วโลก (Pandemic) ของสายพันธุ์ "เดลตา" กำลังปรับเปลี่ยนไปเป็นการระบาดแบบโรคประจำถิ่น (Endemic) ภายใน 6 เดือนหรือ 1 ปีหลังจากนี้
นิยามของ "Pandemic" (การระบาดใหญ่/ทั่วโลก) คือ โรคระบาดที่ระบาดทั่วโลก เช่น การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สเปนในปี 2461 (Spanish flu) การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และล่าสุดการระบาดของโควิด-19 ไปใน +122 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่ "Endemic (โรคประจำถิ่น)" คือ โรคที่เกิดขึ้นประจำในพื้นที่นั้น มีอัตราป่วยคงที่ และสามารถคาดการณ์ได้ โดยขอบเขตของพื้นที่อาจเป็นเมือง ประเทศ หรือใหญ่กว่านั้น อย่างกลุ่มประเทศ หรือ ทวีป เช่น ไข้เลือดออกในประเทศไทย โรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกา
ศาสตราจารย์ดาม ซาราห์ กิลเบิร์ต (Professor Dame Sarah Gilbert) ผู้บุกเบิกวัคซีนชนิดต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ต่อต้านโรคโควิด-19 แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า โดยปกติหากเราพบว่าไวรัสมีการแพร่กระจายติดต่อระหว่างคนสู่คนได้อย่างรวดเร็วขึ้น ก็จะมีความรุนแรงในการก่อโรคลดน้อยลง (ภาพ 1)
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไวรัสก่อโรคโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ "เดลตา" มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม "อู่ฮั่น" มากกว่า 70 ตำแหน่ง มากกว่าทุกสายพันธุ์ในขณะนี้ ทำให้สามารถแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วเหนือทุกสายพันธุ์ และเข้าแทนที่ทุกสายพันธุ์ในร่างกายมนุษย์จากทุกประเทศทั่วโลกอย่างไร้คู่แข่ง (no competitor) จึงไม่มีแรงกดดัน(pressure) ให้ต้องมีไวรัส SARS-CoV-2 เวอร์ชันที่ร้ายแรงกว่าสายพันธุ์เดลตาอีก (ภาพ 2-3)
สายพันธุ์ "เดลตา" แพร่ติดต่อไปอย่างรวดเร็ว จะอ่อนแอลงตลอดเวลา และไม่น่าจะกลายพันธุ์ก่ออันตรายไปมากกว่านี้ เพราะหากมีกลายพันธุ์ไปเพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันไปมากกว่านี้ อย่างในกรณีของสายพันธุ์ "เบตา" ก็จะส่งผลให้โปรตีนหนามแหลมเปลี่ยนไปมาก จนจับกับเซลล์มนุษย์ เพื่อเข้ารุกรานได้ไม่ดี อันจะส่งผลให้การติดต่อแพร่เชื้อลดลง อย่างกรณีของ "เบตา" และถูกแทนที่ด้วยไวรัสที่ติดเชื้อได้รวดเร็วกว่า เช่น อัลฟา เดลตา และแกมมา ในอนาคตหากเราติดเชื้อสายพันธุ์ "เดลตา" ประเมินว่า จะมีอาการไม่รุนแรงเท่ากับการติดเชื้อเดลตาในปัจจุบัน โดยคาดว่า จะมีอาการคล้ายเป็นโรคไข้หวัดที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเท่านั้น
ดร.สก็อตต์ กอตต์เลบ (Dr. Scott Gottlieb) อดีตกรรมาธิการขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริษัทผู้ผลิตยา Pfizer, Inc. และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของบริษัท Illumina, Inc. ได้แสดงความเห็นว่า ด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์ ซึ่งคำนวณโดยอาศัยข้อมูลจากรหัสพันธุ์กรรม ทั้งจีโนมของไวรัส ข้อมูลประชากร ข้อมูลระบาดวิทยา ข้อมูลทางคลินิก ฯล มาประกอบกันจากหลายภาคส่วนบ่งชี้ว่า การระบาดของคลื่นลูกที่สี่ (ในสหรัฐ) ซึ่งเกิดจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเป็นตัวการหลัก อาจเป็นคลื่นลูกสุดท้ายของการระบาดใหญ่ (Pandemic) ของ COVID-19 หากไม่มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมา คาดการณ์ว่าไวรัสก่อโรค COVID-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งหมายความว่า มีอยู่ตลอดไป แต่แพร่เชื้อในอัตราที่ต่ำ และอาการไม่รุนแรง
สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของเชื้อ SARS-CoV-2 โดยศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี คาดว่า ไม่เกิน 6 เดือนหลังจากนี้ สถานการณ์การติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ "เดลตา" จะดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตลดลงเป็นลำดับ สังเกตจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ต่าง ๆ ในบ้านเรา ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา แต่ละสายพันธุ์จะมีการอุบัติขึ้น คงอยู่ และดับสูญไป ในราว 3-6 เดือน ไม่ยาวนานมากกว่านี้
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย
- คลื่นระลอกแรกเป็นคลัสเตอร์สนามมวย และสถานบันเทิง เป็นสายพันธุ์ "A.6" ระบาดระหว่าง ม.ค. 2563 -ก.ค. 2563
- คลื่นระลอกสอง เป็นคลัสเตอร์โรงงานสมุทรสาคร และตลาดปทุมธานี เป็นสายพันธุ์ "B.1.36.16" ระบาดระหว่าง ต.ค. 2563-พ.ค. 2564
- คลื่นระลอกสาม เป็นคลัสเตอร์สถานบันเทิงย่านทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อัลฟา "B.1.1.7" ระบาดระหว่าง ม.ค. 2564-ก.ค. 2564
- คลื่นระลอกสี่ เป็นคลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้าง เป็นสายพันธุ์เดลตา "B.1.617.2" ระบาดระหว่าง เม.ษ 2564-ปัจจุบัน
ซึ่งขณะนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คลื่นลูกที่สี่ "เดลตา" ในไทยกำลังอ่อนกำลังลง เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อไวรัสตามธรรมชาติ บวกกับผู้ที่ได้รับวัคซีนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากการถอดรหัสพันธุ์กรรมทัังจีโนมของ Sars- CoV-2 ในไทยมีความเป็นไปได้สูงที่ "สายพันธุ์เดลต้าหลัก" จะถูกแทนที่ด้วย สายพันธุ์เดลตาย่อย "AY.30" ซึ่งพบมากในประเทศไทย และกัมพูชา ซึ่งน่าจะเป็นเดลต้าเวอร์ชั่นที่อ่อนกำลังลง ปรับโหมดเข้าสู่การระบาดแบบโรคประจำถิ่น (Endemic)
เดลตาสายพันธุ์ย่อย AY.30 ถูกถอดรหัสพันธุ์กรรมไปแล้วทั่วโลก จำนวนทั้งสิ้น 9,633 ตัวอย่าง พบในไทยคิดเป็นร้อยละ 33.3 ในขณะที่สายพันธุ์เดลต้าหลัก ตรวจพบจากการถอดรหัสพันธุ์กรรมในประเทศไทยคิดเป็นร้อยละ 66.7 เบต้า 11.1 และอัลฟา 5.6
ขอบคุณ : Center for Medical Genomics
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "กองทุนบัตรทอง" ปรับใหม่ปี 65 เพิ่มประสิทธิภาพ เน้นคุมเบิก "จ่ายเงินชดเชย"
- อัปเดตสิทธิ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ใช้ผ่าน Delivery ได้ ดูเงื่อนไข-ขั้นตอนใหม่
- "ส่องเลขเด็ด" มาแล้ว เลขธูป "เจ๊ฟองเบียร์" งวด 1 ต.ค. 64 ให้ 3 ตัวเน้น ๆ
- "ผู้ประกันตนม.40" รายใหม่ 16 จังหวัด เช็คสิทธิรับ "เงินเยียวยา" ด่วน
- "สินเชื่อบ้าน" ธอส.จัดดอกเบี้ยพิเศษ 2 ต่อ ลุ้นโปรปีแรก 0.68%