รมว.ยธ.แถลงผลงานกระทรวงยุติธรรมปี 64 พอใจภาพรวมการทำงาน
สมศักดิ์ เทพสุทุน รมว.ยธ. ชี้ต้องทำตัวเป็นเหมือนเพื่อนกับประชาชน ให้เข้าถึงทุกแห่ง หวังสร้างความสุขทุกพื้นที่ พร้อมลดปัญหานักโทษล้นคุก
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 29 ก.ย.64 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ.แถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม "ยุติธรรมเชิงรุก สร้างสุขให้ประชาชน"ประจำปี 2564 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และกลุ่มผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วม โดยมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด และมีบูธผลงานของกรมต่างๆที่นำมาจัดแสดง เช่น กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกระทรวงยุติธรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า งานแรกที่ตนได้ทำ คือ การลดผู้ต้องขังในเรือนจำ แต่ปล่อยออกมาแล้วเราต้องสร้างกลไกไม่ให้พวกเขากลับเข้าไปในเรือนจำอีก ไม่กลับไปทำผิดซ้ำ ซึ่งจากเดิมตอนที่ตนมารับตำแหน่งมีผู้ต้องขัง 381,454 คน มีพื้นที่เรือนนอน 328,733.29 ตรม.สามารถรองรับผู้ต้องขังได้เพียง 266,587 คน ซึ่งเกินความจุ 43.08 % ตนเทียบดูคนที่อยู่ในเรือนจำมีพื้นที่นอนเพียง 0.7 ตรม.เบียดเสียดกันมาก มีที่น้อยกว่าโลงศพเสียอีก เราจึงไปดูเรือนนอนปรับทำเตียงนอน 2 ชั้น ทำให้เพิ่มพื้นที่เป็น 1.2 ตรม.ต่อคน ซึ่งตามมาตรฐานสากลอยู่ที่ 2.2 ตรม. เราต้องค่อยๆ ปรับ อาจจะเพิ่มปีหน้าเป็น 1.4 ตรม.ต่อคน นอกจากนี้การลดจำนวนผู้ต้องขัง ด้วยการพักการลงโทษและลดวันต้องโทษจำคุก และพักโทษพิเศษ ปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับการติดกำไล EM ไปแล้ว 74,082 คน โดยเรามีทั้งหมด 30,000 เครื่อง หมุนเวียนในการใส่
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องขัง 35% เมื่อถูกปล่อยภายในไม่เกิน 3 ปี จะกลับเข้าเรือนจำใหม่ เพราะไม่มีงานทำ ดังนั้นเราต้องสร้างอาชีพ มีงานให้ทำ ซึ่งในเรือนจำมีการฝึกอาชีพอย่างหลากหลาย และได้มีโครงการตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ แต่อาจจะเสร็จไม่ทันในสมัยรัฐบาลชุดนี้ โดยเรามีโครงการนำร่อง สมุทรปราการโมเดล เริ่มต้นในการส่งผู้ต้องขัง 1,000 คน ไปทำงานที่บริษัทเดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย ส่วนค่าจ้างใช้เกณฑ์ค่าแรงขั้นต่ำ โดยมีอีกหลายบริษัทที่สนใจ กรมราชทัณฑ์ตั้งเป้าไว้ที่ 16,000 คน ซึ่งจะลดรายจ่ายของกรมราชทัณฑ์ได้ 336 ล้านบาทต่อปี มีเม็ดเงินหมุนเวียน 1,933 ล้านบาทในระบบเศรษฐกิจ ลดการสร้างเรือนจำใหม่ได้ถึง 5 แห่ง รวมเป็นเงิน 7,500 ล้านบาท
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ในส่วนการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน เฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เยียวยาผู้เสียหายแล้ว 6,912 ราย เป็นเงิน 358,066,535.59 บาท โดยรวมตั้งแต่ตนรับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน เยียวยาแล้ว 19,020 ราย รวมเป็นเงิน 976,781,633.48 บาท ซึ่งในปีงบประมาณหน้า ตนได้พูดคุยกับส่วนราชการทั้งหมดแล้ว พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างเต็มที่ โดยงานที่จะดำเนินการในปี 2565 อย่างแรกคือ คดีรถหรู ของดีเอสไอ ตนได้เร่งรัดดำเนินการอยู่ แต่แก้ปัญหาได้ไม่กี่คัน เราพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทำแค่ 4 คน โดยยังเหลือรถหรูที่หลีกเลี่ยงภาษีตามที่กรมศุลกากรประเมินราคาแล้ว พร้อมที่จะเป็นคดี 1,428 คัน ราคาคันละ 6.8 ล้านบาท รวมมูลค่า 9,710 ล้านบาท โดยเพิ่มบุคลากร 100 คนเพื่อทำสำนวนคดีนี้ นอกจากนี้ยังมีคดียาเสพติด พนันออนไลน์ ลักลอบนำเข้าบุหรี่ - เหล้าหนีภาษี ตนขอเตือนผู้ที่กระทำอยู่ถ้าไม่เลิกก็ถูกจับ และตนได้ศึกษา พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ สามารถใช้เอกชน หรือ อาสาสมัคร มาช่วยดำเนินการได้
"ในส่วนของการไกล่เกลี่ย มีทั้งกรมบังคับคดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เราจะทำให้สำเร็จในปีหน้า คนที่เป็นหนี้ไม่ควรหนีหนี้ เพราะเจ้าหนี้พร้อมให้ความกรุณา อย่างกองทุน กยศ. การกู้แล้วมีผู้ค้ำประกัน เราสามารถไกล่เกลี่ยให้ใช้หนี้ในแต่ละเดือนในเงินที่ไม่สูงได้ ทั้งนี้ในกระทรวงยุติธรรม ส่วนใหญ่ข้าราชการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ รู้กฎหมายมากมาย ตนมาเป็นรัฐมนตรีรู้กฎหมายไม่มาก แต่ตนเรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์ ตนมองภาพในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเราต้องทำตัวเป็นเหมือนเพื่อนกับพี่น้องประชาชน เข้าให้ถึงทุกแห่ง เพื่อสร้างความสุขให้กับทุกพื้นที่"นายสมศักดิ์ กล่าว
อ่านข่าวที่น่าสนใจ