ถอดสูตร "เรียนออนไลน์" ผลวิจัยชี้นักเรียนเสียโอกาส เร่งคืนรร.ให้เด็ก
"วรากรณ์-สุชัชวีร์" ถอดสูตร "เรียนออนไลน์" พิษโควิด-19 ทำเด็กเสียโอกาส ผลวิจัยชี้นักเรียนหลักแสนคนขาดเครื่องมือการเรียน คณะกรรมการปฏิรูปฯการศึกษา เสนอทุกภาคส่วนร่วมมือเร่งคืนโรงเรียนให้เด็กคือภารกิจเร่งด่วน
เป็นเวลากว่าเกือบสองปีที่สถานศึกษาต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ต้องงดการเรียนการสอนและจำเป็นต้องปรับรูปแบบมาเป็นระบบการสอนทางไกล หรือการสอนออนไลน์ เด็กนักเรียนต้อง "เรียนออนไลน์" แม้บางคนอาจมองว่าเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างตอบโจทย์ในยุคดิจิทัล สามารถเข้าถึงได้อย่างไร้ข้อจำกัด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าถึงและปรับตัวกับการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ได้
โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล และนักเรียนในครอบครัวรายได้น้อย ที่มีอุปสรรคในการเข้าถึงการศึกษาอยู่เป็นทุนเดิม ท่ามกลางภาวะวิกฤตนี้ ยิ่งทำนักเรียนกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทยที่ชัดเจนขึ้นจากปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน
"เรียนออนไลน์" ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตัวเด็กนักเรียนเท่านั้น แต่ได้กระทบเป็นวงกว้างต่อทั้งระบบการศึกษา ครูผู้สอนประสบปัญหาขาดอุปกรณ์เพื่อจัดการสอน เนื่องจากไม่มีงบประมาณสนับสนุน ต้องเตรียมการสอนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี และยังต้องค้นหารูปแบบการสอนหรือเทคนิคที่จะสามารถจูงใจเด็กได้ด้วยตัวเอง
สำหรับผลกระทบต่อเด็กนักเรียน พบว่าส่วนใหญ่เกิดปัญหาสุขภาพทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจ เด็กเกิดความกังวลกับการเรียน รู้สึกเบื่อหน่าย เหนื่อยล้า จากการนั่งอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ไม่มีสมาธิจดจ่อกับบทเรียน และยังต้องเผชิญกับภาวะความรู้ถดถอย รวมถึงเกิดความเครียดสะสมเมื่อไม่ได้ออกไปเจอเพื่อนและสังคมภายนอก
ไม่เพียงเท่านั้น การ "เรียนออนไลน์" ยังเพิ่มภาระในการดูแลบุตรหลานให้กับผู้ปกครอง เนื่องจากต้องมีส่วนร่วมกับครูผู้สอนเพื่อช่วยให้เด็กตั้งใจและจดจ่อกับบทเรียนได้ หรือต้องช่วยสอนการบ้านเมื่อบุตรหลานไม่เข้าใจ
บางครอบครัวไม่สามารถทำได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ พ่อแม่เกิดความเครียดเพราะต้องทำงานหนักขึ้น จากการแบกรับรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าอุปกรณ์การเรียน ฯลฯ หลายครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 เมื่อผู้ปกครองไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้
จึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้เด็กนักเรียนไม่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์และโอกาสทางการศึกษาได้นำไปสู่ความเสี่ยงที่จะหลุดจากระบบการศึกษาในที่สุด
จากข้อมูลการสำรวจของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ภาคเรียนที่2/2563พบว่า นักเรียนยากจนพิเศษใน29จังหวัดพื้นที่สีแดงที่ประสบปัญหาการเรียนในช่วงโควิด-19เนื่องจากครัวเรือนขาดแคลนไฟฟ้าและอุปกรณ์ในการเข้าถึงการเรียนออนไลน์ มีจำนวนกว่า271,888คน
รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา กล่าวว่า นอกจากความไม่พร้อมของกลุ่มเด็กในครอบครัวที่มีปัญหาด้านรายได้ ครูในโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่มีประสบการณ์การสอนออนไลน์ รวมถึงพ่อแม่ที่ไม่สามารถมีส่วนร่วมกับลูกได้ก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญไม่แพ้กัน
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานศึกษาหรือครูผู้สอนจะปรับตัวต่อรูปแบบการสอนออนไลน์ได้ดีแค่ไหน แต่ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กจำเป็นต้องได้รับโอกาสในการเข้าสังคม การเรียนรูปแบบปกติจึงสำคัญและจำเป็นที่สุด
นอกจากนี้ ยังต้องเร่งหาแนวทางการเติมเต็มการเรียนรู้ที่ขาดช่วงไปตลอดระยะเวลาเกือบสองปีของเด็ก รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการสอนของครูทั้งรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ เพื่อรองรับรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายในอนาคต
“ปัญหาที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าการเรียนออนไลน์ไม่สามารถทดแทนการเรียนในห้องเรียนได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันผลักดันให้กลับมาจัดการเรียนการสอนรูปแบบปกติได้โดยเร็ว ก่อนที่จะเกิดการสูญเสียทางการศึกษาไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ดี การยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาและปฏิรูประบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ถือเป็นโจทย์สำคัญของคณะกรรมการ ปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการตามแผนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปบิ๊กร็อคที่1ที่มุ่งสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อให้ระบบการศึกษาไทยสามารถรองรับความหลากหลายของการจัดการศึกษาและตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกต่อไป”รศ.ดร.วรากรณ์ ระบุ
ด้าน ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา กล่าวถึงการเรียนออนไลน์ในปัจจุบันว่า การปรับตัวในการเรียนการสอนออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทั้งสถานศึกษา ครู และนักเรียน ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการเรียนออนไลน์ไม่ประสบความสำเร็จในกลุ่มเด็กเล็ก ครูผู้สอนต้องหาแนวทางในการสอนที่สนุกและดึงดูดเด็กให้ได้
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าประโยชน์ของการเรียนออนไลน์คือ สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่ต้องการได้อย่างกว้างไกลและไร้ขีดจำกัด ในขณะเดียวกันรูปแบบการเรียนการสอนแบบปกติก็ยังมีความจำเป็น เนื่องจากเด็กๆ ควรได้ทำฝึกทำกิจกรรมและทักษะรอบด้าน ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น
"ดังนั้น ระบบการศึกษาไทยจะพัฒนาเทียบเท่าต่างประเทศต่อไปในอนาคตได้ จำเป็นต้องใช้การเรียนรูปแบบผสมผสานระหว่างการเรียนแบบออนไลน์และออนไซต์ จึงจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด"ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เรียนออนไลน์ทั้งปี" รับมือโควิด-19 อยู่อีกยาวนาน
- "เรียนออนไลน์"พบทั้งครูและนักเรียนร้อยละ 50 ไม่พร้อม
- "ตรีนุช" ลุ้นเปิดเรียนเต็มรูปแบบ เร่งฉีดวัคซีนให้ครูครบทุกคน
- "ตรีนุช" ไม่บังคับรร. "เปิดเทอม" เต็มรูปแบบพร้อมกัน 1 พฤศจิกายนนี้
- บอร์ด กสศ.ห่วงโควิดทำ"ครอบครัวไทย"จนเฉียบพลัน เด็กกว่าครึ่งล้านหลุดรร.