"ในหลวง" ทรงรับ "หมู่เดชวิทย์" ตำรวจ คฝ. ถูกยิง คนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
"พระบาทสมเด็จฯ พระเจ้าอยู่หัว" ทรงรับ "หมู่เดชวิทย์" ตำรวจ คฝ.ที่ถูกยิงขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณแฟลตดินแดงคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มอบผู้แทนพระองค์เข้าเยี่ยม ด้าน ผบ.ตร. เตรียมปรับแนวทางคุมม็อบ เล็งไม่ให้เป็นอันตรายกับทุกฝ่าย
7 ต.ค.2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณี ส.ต.ต.เดชวิทย์ เลทเท็สสัน ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 5 กก.อารักขา 1 บก.อคฝ. หรือ หมู่เดวิด ได้รับอันตรายจากกระสุนยิงทะลุหมวกเข้าไปฝังอยู่ในสมองว่า แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนส่วนหนึ่งออกมาได้ เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลตำรวจ
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าเยี่ยม "หมู่เดวิด" และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับส.ต.ต.เดชวิทย์ คนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และมอบให้ผู้แทนพระองค์เข้าเยี่ยมผู้ป่วยวันนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เดินทางเข้าสอบถามพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ และตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และวางแนวทางในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการเข้าควบคุมเหตุที่จะเกิดขึ้นต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดีที่สุด ไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ เสียหาย ทั้งฝ่ายตำรวจควบคุมฝูงชน ตำรวจที่เข้าระงับเหตุ และประชาชน ทำอย่างไรที่จะควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เป็นอันตรายกับทุกฝ่าย
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า ทาง ผบ.ตร. และผบช.น.ได้พบกับนางมะลิวัลย์ มารดาของ ส.ต.ต.เดชวิทย์ หรือ หมู่เดวิด เพื่อพูดคุยอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมมอบเงินสวัสดิการให้ส่วนหนึ่ง เบื้องต้นรวมจำนวนประมาณกว่า 6 แสนบาท ประกอบด้วย เงินสวัสดิการของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เงินสวัสดิการ บช.น. สมาคมแม่บ้าน เงินส่วนตัวของ ผบ.ตร.และผบช.น.
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ดูแลเรื่องการเข้าเยี่ยมอาการของส.ต.ต.เดชวิทย์ รวมถึงแนวทางในการรักษา โดยให้บช.น.ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์และการรักษาให้ดีที่สุด
ด้านนางมะลิวัลย์ เลทเท็สสัน มารดาของ "หมู่เดวิด" ส.ต.ต.เดชวิทย์ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจ และช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ที่ลูกชายต้องมาถูกยิงในเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียว โดยลูกชายใฝ่ฝันที่จะรับราชการเป็นตำรวจ เพราะรักในอาชีพ รักชาติ ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งก็ตาม และยังชอบช่วยเหลือสังคม ส่วนตัวแล้วภูมิใจในตัวลูก ตลอดการรับราชการตำรวจมาเป็นเวลา เกือบ 2 ปี
เบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาได้มีการมอบเงินเยียวยามาบางส่วนแล้วอย่างไรก็ตามอยากให้ทางตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว