ข่าว

"จุรินทร์" ประกาศ 17 มาตรการเชิงรุกดูแลผลไม้ปี 65

"จุรินทร์" ประกาศ 17 มาตรการเชิงรุกดูแลผลไม้ปี 65

07 ต.ค. 2564

รมว.พาณิชย์ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ประกาศ 17 มาตรการเชิงรุกดูแลผลไม้ปี 65 ล่วงหน้า ปลื้มส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ นำรายได้เข้าประเทศถึง 169,000 ล้านบาท +46% เผย ทุเรียนขายดี + 77%

 

 

"นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ประชุมกำหนดมาตรการเพื่อบริหารจัดการผลไม้ล่วงหน้า สำหรับปี 2565 ทั้งระบบ

 

 

โดยมีตัวแทนเกษตรกรผู้ประกอบการและผู้รับซื้อ ผู้ส่งออก ผู้บริการขนส่ง ทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ และพาณิชย์จังหวัดที่มีสินค้าผลไม้ ร่วมรับฟังนโยบาย พร้อมผู้บริหารระดับสูง 2 กระทรวง ณ โครงการศูนย์บริหารจัดการ มหานครผลไม้ ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี 

 

โดย "นายจุรินทร์" กล่าวว่า วันนี้ตนมาประชุมร่วมกับตัวแทนเกษตรกร ตัวแทน SMEs แปรรูปผลไม้ ล้ง ผู้ประกอบการ ส่วนราชการจังหวัดและกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานราชการทั้งหมด ในจังหวัดจันทบุรี ระยองและตราด เพื่อกำหนดแนวทางในการเตรียมการมาตรการรองรับผลไม้ ปี2565 ที่จะออกไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปีหน้า ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการล่วงหน้าก่อน 6 เดือน โดยมาตรการผลไม้เชิงรุกมี 17 มาตรการ

 

 

1.มาตรการเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี 2565  ไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง 

 

 

2.มาตรการช่วยผู้ประกอบการหรือเกษตรกรหรือล้งกระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000 ตัน

 

 

3.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกโดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ยร้อยละ 3 และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน

 

 

 


 

 

 

4. กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสนับสนุนให้มีการใช้พระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไหร่ มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฏหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน

 

 

5.มาตรการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ ประสานงานกับสายการบินต่างๆ เปิดโอกาสให้โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องบินในประเทศไทยฟรี 25 กิโลกรัม ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2565 เป็นต้นไป

 

 

6.มาตรการช่วยสนับสนุนกล่อง พร้อมค่าจัดส่งผลไม้ที่ขายตรงจากเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ไปยังผู้บริโภคโดยตรงโดยสนับสนุนกล่องมากขึ้นกว่าปี 2564 ที่สนับสนุน 200,000 กล่อง ปี 2565 จะสนับสนุนถึง 300,000 กล่อง

 

 

7.ในช่วงที่ผลไม้ออกเยอะ กระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนให้มีรถเร่ รถโมบาย ไปรับซื้อผลไม้และนำออกจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงโดยปี 2557 จะสนับสนุนที่15,000 ตัน

 

 

8.ประสานงานกับห้างท้องถิ่น ปั๊มน้ำมันต่าง ๆ เปิดพื้นที่ระบายผลไม้ให้กับเกษตรกรโดยเพิ่มปริมาณจากปี 2564 ที่ช่วย 1,500 ตัน ปี 2565 จะเพิ่มเป็น 5,000 ตัน

 

 

9. จะทำเซลล์โปรโมชั่นส่งเสริมการขายผลไม้ในต่างประเทศซึ่งใช้ชื่อโครงการ Thai Fruits Golden Months ดำเนินการในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ 12 เมือง เช่นเดียวกับปี 2564 ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้ผลดีมาก

 

 

10.จะจัดการเจรจาจับคู่ซื้อขายผลไม้ทางธุรกิจในระบบออนไลน์หรือที่เรียกว่า OBM มุ่งเน้นตลาดใหม่ เช่น อินเดียและรัสเซียเป็นต้น

 

 

11.จะส่งเสริมการขายผลไม้ในต่างประเทศในรูปแบบ THAIFEX – Anuga Asiaจัดงานส่งเสริมการบริโภคผลไม้ระดับนานาชาติช่วงเดือนพฤษภาคม 65 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี 

 

 

 

 

 

12.เร่งจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเป็น 5 ภาษา เพื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทย

 

 

13.จะจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกษตรกรกลุ่มเกษตรกรในเรื่องของการค้าออนไลน์เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคและจะเพิ่มเติมหลักสูตรการส่งออกเบื้องต้นให้ด้วย ตั้งเป้าอบรมเกษตรกรให้ได้อย่างน้อย 1,000 ราย

 

 

14.มาตรการขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายแรงงานเพื่อให้สามารถดำเนินการเก็บผลไม้และส่งเสริมการขายผลไม้ได้ต่อไป

 

 

15.ในบางช่วงที่ขาดแคลนแรงงาน ให้ กอ.รมน.ส่งกำลังพลเข้ามาช่วยเก็บเกี่ยวและขนย้ายผลไม้ 

 

 

16.กระทรวงพาณิชย์จะสั่งการให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดและทีมเซลล์แมนประเทศประสานงานกันช่วยระบายผลไม้ของเกษตรกรทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศต่อไป ให้มีความเข้มข้นขึ้น

 

 

17.กระทรวงพาณิชย์และจังหวัดจะบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดเพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลไม้ที่มีคุณภาพ และได้ราคาดีไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าและกฎหมายชั่งตวงวัดโดยเคร่งครัดต่อไป

 

 

สำหรับภาพรวมผลไม้ จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นป็น 3,500,000 ตัน และเพิ่มขึ้นประมาณ 8% มาตรการเชิงรุกจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเพราะหมายถึงซัพพลายจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2564  โดยการส่งออกผลไม้ประสบความสำเร็จมากในช่วงปี 2564 ในช่วง 8 เดือนแรกมกราคมถึงสิงหาคม 2564 สามารถส่งออกผลไม้ไปยังต่างประเทศได้ถึง 169,000 ล้านบาท +46% เฉพาะทุเรียนส่งออกได้ 98,360 ล้านบาท + 77% มังคุด 16,703 ล้านบาท + 24% ลำไย 10,392 ล้านบาท+ 50% 

 

 

นอกจากนี้ จะเร่งรัดการเพิ่มมูลค่าจากพืชผลการเกษตรทั้งผักผลไม้พืชเกษตรอื่นๆหรือผลไม้ให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยการส่งเสริมให้มีการขึ้นทะเบียน GI เพราะสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้

 

 

เฉพาะปี 2564 กระทรวงพาณิชย์ขึ้นทะเบียน GI ให้สินค้าทั่วประเทศไปแล้ว 152 รายการและเมื่อต้นปีที่ผ่านมาสามารถจดทะเบียนสินค้า GI ได้ครบทั้ง 77 จังหวัดแล้วและสินค้า GI ทั้งหมด 152 รายการ มีมูลค่ายอดขายถึง 40,000 ล้านบาท จังหวัดจันทบุรีมี GI แล้ว 3 ตัว 1.เสื่อจันทบูร 2.พริกไทยจันท์ และล่าสุดที่จะทำพิธีมอบในวันนี้คือ ทุเรียนจันท์ คาดว่าจะมียอดส่งออกปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท