ข่าว

เช็ควันโอนเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เพิ่มเงินเยียวยาเป็น 500 บาท

เช็ควันโอนเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เพิ่มเงินเยียวยาเป็น 500 บาท

21 ต.ค. 2564

"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เติมเงินเข้าบัตรให้อีก 300 บาทเริ่มโอนพ.ย.นี้รับสูงสุด 500 บาท นาน 2 เดือน เช็คเลยกดเงินสดได้หรือไม่ เริ่มโอนวันไหน

อัปเดตจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมหลังจากที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงิน 54,600 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นวงเงินเยียวยาช่วยเหลือ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 300 บาท ระยะเวลา 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.64) วงเงิน 1,384 ล้านบาท โดยจะเป็นการโอนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

เป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 3 โดยจะให้เงินเพิ่ม อีก 300 บาท จากปกติที่ได้อยู่แล้วเดือนละ200 บาท เป็นเวลา 2 เดือน คือ เดือน พ.ย. และ ธ.ค. 64 รวมเป็นเงินที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับคนละ 500 บาท  

รวมทั้งกลุ่มผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ อาทิ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และผู้พิการ จะได้รับ 500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน พ.ย. และ ธ.ค. 64
 

สำหรับมาตราการการเพิ่มกำลังซื้อผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีรายละเอียดดังนี้

 

ครม.อนุมัติ งบ 8,122.3764 ล้านบาท สำหรับ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าเพิ่มเติมอีกจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค. 2564 รวมเป็น 500 บาท  และรวมเป็น 1,800 บาท ครอบคลุม กลุ่มเป้าหมายที่ถือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 13,537,294 คน

ครม.อนุมัติ งบ 1,383.8814 ล้านบาท สำหรับ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้า จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 2 เดือน โดยจะเริ่มโอนให้ในเดือนพ.ย. และธ.ครวมเป็น 500 บาทต่อคน รวมเป็นเงินช่วยเหลือเยีวยาที่กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนจะได้รับทั้งหมด 1,800 บาท 


โดยมาตรการดังกล่าวนั้นจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯได้แก่ ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตีย) ผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง  จำนวนไม่เกิน 2,306,469 คน