เรือนจำผลิต "ฟ้าทะลายโจร" 20 ล้านแคปซูล พร้อมตั้งคลังยาสำรอง
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย เรือนจำทั่วประเทศ ผลิต "ยาฟ้าทะลายโจร" ได้เกือบ 20 ล้านแคปซูล ตั้งคลังยาสำรองดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสี เล็งแจกจ่ายครอบคลุมชุมชน-ประชาชนทั่วไป
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร เพื่อใช้รักษาโรคโควิด-19 ในเรือนจำว่า กรมราชทัณฑ์กำหนดให้การบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน เพื่อดูแลรักษาชีวิตของผู้ต้องขังทุกคนให้เต็มความสามารถ และทำทุกวิถีทางให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ในระยะแรกประเทศไทยมีปัญหาขาดแคลนยาฟาวิพิราเวียร์ และต้องรอวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีจำนวนจำกัดและราคาแพง กรมราชทัณฑ์จึงได้ส่งเสริมให้ผู้ต้องขังปลูกพืชสมุนไพรในเรือนจำ โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร และสมุนไพรกลุ่มที่มีฤทธิ์ยับยั้งกลุ่มโรคหวัด ทางเดินหายใจส่วนบน เช่น กระชายขาว ขิง ข่า ฯลฯ เพื่อเป็นคลังสำรองยาสำหรับรักษาอาการป่วยโควิดของผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถานในกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ควบคู่ไปกับการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน
ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยยาฟ้าทะลายโจร ที่ระบุว่า "ผู้ต้องขังต้องเข้าถึงสิทธิ์การใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาโควิด-19 ขั้นต่ำที่คนละ 50 เม็ด ขอยืนยันว่า เราไม่ทอดทิ้งและจะทำให้ดีที่สุด" นอกจากนี้ การปลูกฟ้าทะลายโจรยังพัฒนาให้เป็นอาชีพแก่ผู้ต้องขังได้เรียนรู้วิธีการปลูกพืชสมุนไพร เพื่อนำไปต่อยอดหลังพ้นโทษด้วย
นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการปลูกฟ้าทะลายโจรจนถึงเดือนตุลาคม เรือนจำ/ทัณฑสถาน สามารถฝึกวิชาชีพการเพาะปลูกฟ้าทะลายโจร และการแปรรูปบรรจุแคปซูลให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อเป็น คลังยาสำรองใช้ในเรือนจำทั่วประเทศได้ จำนวน 19,968,155 แคปซูล และทุกเรือนจำมียาฟ้าทะลายโจรสำรองเสริมภูมิให้กับผู้ต้องขังอย่างเพียงพอในอัตรา 71 แคปซูล ต่อผู้ต้องขัง 1 คน ทั้งนี้ ในอนาคตหากสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น จะสามารถผลิตยาแคปซูลได้เพื่อแจกจ่ายและมอบให้กับประชาชน ชุมชนใกล้เคียง รวมถึงสำรองไว้สำหรับสมาชิกในครอบครัวได้ด้วย