ข่าว

"นายกฯ" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

"นายกฯ" ย้ำเวทีโลก COP 26 ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

01 พ.ย. 2564

"นายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ยันเวทีโลก COP 26 ไทยพร้อมยกระดับแก้ไขปัญหาภูมิอากาศ ย้ำต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

เพจไทยคู่ฟ้า เผยแพร่ข่าว "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" และ รมว.กลาโหม กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
.
 

"นายกฯ" ยืนยันไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลก เพื่ออนาคตของลูกหลาน
.

ในปี 2019 ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 17% หลังตั้งเป้าลดให้ได้อย่างน้อย 7% ภายในปี 2020 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 2 เท่า หลังให้สัตยาบันเป็นภาคีของความตกลงปารีส เมื่อปี 2015
.

ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2065
.

เราทุกคนไม่มี “แผนสอง”ในเรื่องการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี “โลกที่สอง” ซึ่งเป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว จึงขอให้ทุกประเทศร่วมกันดูแลรักษาโลกของเรา

\"นายกฯ\" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

\"นายกฯ\" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

\"นายกฯ\" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

ก่อนหน้านี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit)ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(United NationsFramework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร คือการนำเสนอเป้าหมายและการดำเนินงานที่แข็งขันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย (LT-LEDS)”


.

ซึ่งเป็นการดำเนินการตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่เป็นกติการะหว่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก และมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปีค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์เร็วที่สุดภายในครึ่งปีหลังของศตวรรษนี้ ทั้งนี้ ไทยถือเป็น 1 ใน 3 ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับสิงคโปร์และอินโดนีเซีย

 

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไทยยังมีการดำเนินตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศในหลายๆ ส่วน อาทิ การยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. การกำหนดเป้าหมายให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 15 ล้านคัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2578 3. การปลูกต้นไม้ยืนต้นทั่วประเทศจำนวนหนึ่งร้อยล้านต้นภายในปี 2565 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาโดยใช้ธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (nature-based solutions)

 

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวนอกจากการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชนแล้ว ไทยยังได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ สนับสนุนการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอาทิ สหรัฐฯ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งเสริมการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในโครงข่ายไฟฟ้าของไทย

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวนอกจากการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชนแล้ว ไทยยังได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ สนับสนุนการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ อาทิ สหรัฐฯ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งเสริมการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในโครงข่ายไฟฟ้าของไทย

 

อนึ่ง กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) กำหนดเป้าหมายร่วมกันคือ เพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศไม่ให้เกินระดับที่จะเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร โดยทุกประเทศต้องร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกันตามขีดความสามารถที่แต่ละประเทศจะทำได้ และได้จัดให้มีการประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ ที่เรียกว่า Conference Of theParties (COP) เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน