ข่าว

"เภสัชกร" ห่วงผู้สูงวัย ขาดวิตามินดี แนะรับแสงแดด ใช้ยาแต่พอดี

"เภสัชกร" ห่วงผู้สูงวัย ขาดวิตามินดี แนะรับแสงแดด ใช้ยาแต่พอดี

04 พ.ย. 2564

ห่วงผู้สูงวัย ขาดวิตามินดีเสี่ยงต่อการหกล้ม เนื่องจากกระดูกเปราะบาง แตกหักง่าย "เภสัชกร" แนะรับแสงแดดให้เพียงพอ ก่อนซื้อวิตามินดีมารับประทาน และใช้ยาแต่พอดี

จากเดิมพบว่าโรคอุบัติใหม่ยังมีการศึกษากลไกการเกิดโรค และการใช้ยาอย่างจำกัด แต่ด้วยบทเรียนจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกแล้วระลอกเล่าที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนบนโลกตระหนักดีว่า นับจากนี้ไป หมดเวลาแล้วที่จะใช้ชีวิตกันอย่างประมาท

 

และทุกคนทราบดีว่า การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ คือ ปัจจัยพื้นฐานสู่การมีสุขภาวะที่ดี ซึ่งแต่ละคนมีความจำเป็นต่อการได้รับปริมาณสารอาหารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัย และสภาพร่างกาย

 

การสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอจึงเปรียบเสมือนการมีกองทัพที่คอยสะสมกำลังสำรองไว้ภายในร่างกายเพื่อเป็นแรงเสริมให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างไม่หวาดหวั่นทุกเมื่อ

 

“วิตามิน” แม้จะไม่ใช่ “ยารักษาโรค” แต่ก็สามารถใช้เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้

ผศ.เภสัชกรหญิงศยามล สุขขา อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำวิตามินที่สำคัญต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสามารถสร้างขึ้นได้เอง ผ่านการกระตุ้นจากแสงแดด ได้แก่ วิตามินดี

 

แม้ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนที่มีแสงแดดล้นเหลือ แต่กลับพบว่าเราใช้ประโยชน์จากแสงแดดกันยังไม่เต็มที่ 

 

ทั้งๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ไม่ต้องซื้อหา แต่กลับพบปัญหาจากอุบัติการณ์ขาดวิตามินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิถีชีวิตที่ต้องอาศัยกันอยู่แต่ในอาคาร เช่นในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่ต้องอาศัยกันอยู่แต่ในบ้าน

 

กลุ่มอายุที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ผู้สูงวัย ซึ่งเสี่ยงต่อการหกล้ม เนื่องจากมีกระดูกที่เปราะบาง และแตกหักได้ง่ายหากขาดวิตามินดี

 

ลำพังจะหวังให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากการรับประทานอาหารตามปกติอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเสริมด้วยการรับประทานวิตามินดีเพื่อกระตุ้นภูมิฯ รวมทั้งให้ร่างกายได้รับแสงแดดตามธรรมชาติร่วมด้วย

ในทางกลับกัน การรับประทานวิตามินเสริมอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกสิ่ง โดยพบว่ายังมีโรคต่างๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับประทานวิตามินดี เช่น โรคไต เนื่องจากการทำงานของวิตามินดีมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มระดับแคลเซียมในร่างกาย

 

นอกจากนี้ผู้ที่มีอาการ วิตามินดีเป็นพิษ  อาจสังเกตได้จากอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย และยังมีอีกหลายโรคที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลผ่านการให้คำปรึกษาจากเภสัชกร ก่อนการนำวิตามินดีมารับประทาน

 

"การพัฒนายาให้เท่าทันต่อโรคอุบัติใหม่ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะรอช้าพึ่งพาแต่เทคโนโลยีจากประเทศที่เจริญกว่า และมีข้อมูลทางชีวภาพของประชากรที่แตกต่างกันไม่ได้ ซึ่งการจะพัฒนายาเพื่อรับมือกับโรคอุบัติใหม่ให้ได้ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาตินั้น

 

จะต้องยึดหลัก SDGs ข้อที่ 12 ซึ่งว่าด้วยการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน (Responsible Consumption and Production) ร่วมด้วย โดยหวังให้คนไทยใช้ยาด้วยความรู้เท่าทัน และสมเหตุสมผล

 

ทั้งนี้  ผศ.เภสัชกรหญิงศยามล สุขขา จะเป็นผู้ดำเนินการสัมมนาออนไลน์ พร้อมบรรยายเรื่องน่ารู้และประโยชน์จากวิตามินดี (Vitamin D and Health Benefit) กับเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย (ภสท.) ในวันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา 15.00 - 17.00 น. ผู้สนใจลงทะเบียนได้ที่ https://regist.pat.or.th/index.php?r=register&project=64-F87