
“กรรม” วิถี ... ลักรังนก 2564 ... จับตาขยายผลการจับกุม ใครคือ "ผู้บงการ" ?
คืบหน้าไปเรื่อย ๆ กับการสืบสวนจับกุมแก๊งลัก "รังนก" ที่ส่งผลเสียหายหลายพันล้านบาท ซึ่งล่าสุดขยายผลถึงฝ่ายปกครองระดับนายอำเภอและตำรวจระดับผู้กำกับ แต่ขบวนการนี้จะสาวไปถึงไหน เป็นเรื่องที่ต้องจับจ้องแบบห้ามกระพริบตา !!
ฉับพลันที่ได้ยินคำประกาศก้องของ บิ๊กใหม่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า “ต่อไปนี้การลักลอบขโมยรังนก จะไม่มีอีกต่อไป”
ก็เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ !!
เพราะมูลค่ามหาศาลของ “รังนก” นั้นช่างเย้ายวนใจ !!
เห็นได้จากคดีล่าสุดที่พัทลุง แม้จะมีกระบวนการขั้นตอนในการเฝ้ารักษา “รังนก” ที่เป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานร่วมกันเป็นคณะกรรมการดูแล จนดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีช่องว่างไหนเล็ดลอดไปได้
แล้ว “รังนก” มูลค่านับพันล้านสูญหายไปได้อย่างไร ??
วงในคลายปมกับ “คมชัดลึก” ว่า ขบวนการขโมยรังนก 2564 เริ่มตั้งแต่ก่อนหมดสัญญาสัมปทานเสียอีก !!
ตามขั้นตอนปกติ เมื่อหมดสัญญาสัมปทาน ก็ต้องมีการจัดเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ไปเฝ้าเกาะ ปรากฎว่าจัดไปจัดมา ทีมงานเฝ้าหน้าถ้ำ ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้าย กลายเป็นก๊วนเดียวกัน
จากนั้นขบวนการขโมย “รังนก” ก็เริ่มขึ้น
ห้วงเวลาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ช่วงรอยต่อของสัญญาสัมปทาน ทีมเจ้าหน้าที่ดูแลเกาะรังนกบางนาย เข้าไปขโมยแทงรังนกในถ้ำตามจุดง่าย ๆ ออกมาก่อน โดยการขโมยรังนกช่วงนี้เป็นลักษณะต่างคนต่างลัก ต่างคนต่างขาย แบ่งรายได้ในกลุ่มกัน
ด้วยรายได้ที่หอมหวาน ชุดเฝ้าเกาะบางนาย เริ่มแทงรังนกมากขึ้น แล้วรวบรวมรังนกที่ได้มาเก็บไว้ในห้องพักที่ทำการชุดคุ้มครอง แต่ของที่มากขึ้น หมายถึงจุดสังเกตที่เด่นชัดขึ้น แล้วจะนำของออกไปได้อย่างไป ถ้าไม่แบ่งเจ้าหน้าที่เขต !!
กระทั่งทีมเฝ้าเกาะผู้ทุจริต ตกลงกับเจ้าหน้าที่เขตได้ การขโมยรังนกครั้งสำคัญก็เริ่มบานปลายเป็นขบวนการเต็มรูปแบบ คือมีการนำรังนกมารวบรวมเก็บไว้ที่ห้องพักสำนักงาน เมื่อได้ตามจำนวนก็นำขึ้นฝั่ง ที่บ้านช่องฟืน จากนั้นจะมีรถตำรวจนำรังนกไปเก็บไว้ยังบ้านพักตำรวจ ก่อนนำส่งขายให้กับนายหน้า โดยรับซื้อกันในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง
ต่อมารังนกตามจุดที่แทงง่าย ๆ หมดลง สวนทางความโลภที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีการติดต่อผู้ชำนาญการในการแทงรังนกเข้ามาร่วมขบวนการ โดยติดต่อกลุ่มแทงรังนกจากต่างจังหวัดเข้ามาถึง 3 กลุ่ม ซึ่งช่วงนี้เป็นเวลาที่การประมูลสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาสัมปทาน
เพียง 20 กว่าวันเท่านั้น หลังได้ผู้ชำนาญเข้าแทงรังนก ทำงานแบบพักค้างในถ้ำ เมื่อหนาวเมื่อหิวก็ก่อไฟในถ้ำ แบบไม่สนว่าควันไฟจะส่งผลร้ายอะไรบ้าง
ในที่สุด..รังนกทุกถ้ำก็ถูกเก็บไปจนหมด
โดยแบ่งรายได้ร้อยละ 30 ให้คนแทง ส่วนร้อยละ 70 เก็บเข้ากองกลาง ซึ่งจำนวนนี้จะแบ่งย่อยเป็น 3 กอง สำหรับหน่วยงานในพื้นที่แต่ละหน่วย
จากการประเมินเบื้องต้น รังนกที่ถูกขโมยครั้งนี้มีปริมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 กิโลกรัม หรือ 2 ตัน มูลค่าประมาณ 70-80 ล้านบาท หรือแม้จะเป็นราคาขายในตลาดมืด เพราะรู้ดีว่าเป็นของโจร!! ก็คาดว่าราคาน่าจะสูงถึง 50 ล้านบาท
คิดเฉพาะส่วนแบ่งฝ่ายหน่วยงานในพื้นที่ร้อยละ 70 คำนวณคร่าว ๆ 35 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 กอง คำถามคือ..ใครได้เยอะที่สุด ?? ไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยงชุดเฝ้าเกาะอีก 5.7 ล้านบาท
การขโมยรังนกครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่วิถีเปลี่ยนไป จากชาวบ้านลักเล็กขโมยน้อย เอาเท่าที่ได้ กลายเป็นขบวนการระดับชาติ ด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพราะเกาะรังนกเป็นพื้นที่ปิด ถ้าไม่ใช่คนใน(เครื่องแบบ)กลายเป็นโจรเสียเอง ไม่มีทางที่ขุมทรัพย์กลางทะเลแห่งนี้จะสูญหายไปได้
จากนี้ต้องจับตาการออกหมายจับระลอกถัดไปของชุดสืบสวนว่าเป็นอย่างไร สาวได้ถึงใคร จะใช่ผู้บงการตัวจริงหรือไม่ เส้นทางนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน ??
ผลกรรมที่ทำกับสมบัติของชาติ และชีวิตนกน้อยนับล้านตัวที่ต้องตาย กำลังทำงาน
เพราะ ... ไม่มีใคร ... ยิ่งใหญ่เกินกรรม !!