ข่าว

บทวิเคราะห์   "ไทยลีก"ภาพเริ่มชัดเมื่อผ่าน 11 เกม

บทวิเคราะห์   "ไทยลีก"ภาพเริ่มชัดเมื่อผ่าน 11 เกม

10 พ.ย. 2564

คมชัดลึก นำเสนอบทวิเคราะห์ภาพรวมสถานการณ์ของฟุตบอล "ไทยลีก" รีโว่ไทยลีก หลังผ่านเกมนัดที่ 11 ในสุดสัปดาห์ เพื่อประมวลภาพให้เห็นว่า ทีมในกลุ่มไหนอยู่ในสถานการณ์ใด ทั้ง ลุ้นแชมป์ และทีมที่เสี่ยง "ตกชั้น" ใครบ้างที่อยู่ในข่าย

 และแล้วฟุตบอล "ไทยลีก"   รีโว่ ไทยลีก" 2021/22 ทุกทีมได้เดินทางผ่านหลัก 10 นัดอย่างเป็นทางการ หลังหนองบัวพิชญ เอฟซี และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด    ลงแข่งครบ 10 นัดซึ่งเป็น 2 ทีมสุดท้าย โดยผลการแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา  ทำให้ภาพเส้นทางการต่อสู้ที่เหลือ เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นในตารางคะแนน ว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มลุ้นแชมป์ กลุ่มไหนลุ้นพื้นที่บอลเอเชีย และกลุ่มไหนเป็นกลุ่มที่จะต้องหนีตาย

 

กลุ่มแรกคือ กลุ่มลุ้นแชมป์   เมื่อผ่าน 11 เกมทำให้กลุ่มแย่งแชมป์ปีนี้มีความชัดเจนอย่างสมบูรณ์ ถ้าดูจากตารางคะแนน "ไทยลีก" ขณะนี้(  อ้างอิงผลการแข่งขัน ณ วันอาทิตย์ ที่  7  พศจิกายน ) พบว่า กลุ่มนี้มีอยู่ 3 ทีม คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง (25 คะแนน) ตามด้วย ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (23 คะแนน) และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (22 คะแนน) 

 


ในกลุ่มนี้มีเพียงทีมเดียวที่แข่งน้อยกว่าเพื่อน 1 เกมคือบีจี ปทุมฯ เพราะฉะนั้นหากบีจีปทุมฯ เก็บ 3 แต้มเกมตกค้างกับหนองบัว พิชญฯ ได้จะมีแต้มทาบบุรีรัมย์ เป็นผู้นำร่วมทันที และยืดช่องว่างในกลุ่มลุ้นพื้นที่เอเชียออกไปเป็น 6 คะแนน เพราะทีมที่อยู่อันดับ 4 อย่างชลบุรี เอฟซี มีอยู่แค่ 18 คะแนน 

 

 กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มลุ้นพื้นที่ฟุตบอลเอเชีย ถึงตรงนี้   อาจจะมีมุมมองว่า  อันดับในลีกตัดที่อันดับ 3 ในการไปเล่นบอลเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก และอีกโควตาคือทีมแชมป์รายการช้างเอฟเอ คัพ   ถ้าจะคิดแบบนี้ย่อมไม่ผิด แต่ในกรณีที่ทีม 1 ใน 3 อันดับแรกได้แชมป์ช้างเอฟเอ คัพ โควตาจะถูกโยกมาให้ทีมอันดับ 4 ในลีกทันที เพราะฉะนั้นในกลุ่มนี้ถือว่าต้องคว้าอันดับ 4 ไว้ก่อนและค่อยรอโควตาหลุดมาจากบอลถ้วย

ทีมในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย ชลบุรี เอฟซี , เมืองทอง ยูไนเต็ด , ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด , นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และการท่าเรือ เอฟซี ที่มีคะแนนไล่ตามกันติดๆ ผลแพ้ชนะในแต่ละสัปดาห์ทำให้อันดับตารางคะแนนขยับขึ้นลงได้ตลอดเวลา โดยทุกทีมในกลุ่มนี้ถือว่าเป็นทีมเบอร์ต้นๆของลีก อาจมีแค่นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่แทรกตัวเข้ามาในกลุ่มนี้ได้ ต้องชื่นชม   "โค้ชโจ"  ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เฮดโค้ชของทีม ที่ปรับจูนทีมได้เร็วจนกลับมาโกยแต้มหลังออกสตาร์ทไม่ดีในช่วง 5 นัดแรก 

 


 ขณะที่ทีมที่ไม่ควรจะต้องมาอยู่ในกลุ่มนี้คือ การท่าเรือ เอฟซี ที่ทุกคนต่างรู้ดีว่า "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เจ้าของทีมทุ่มเม็ดเงินลงไปในแต่ละปีไม่ตำกว่าหลัก 100 ล้านบาท พร้อมกับก่อนเปิดฤดูกาลดึงเอา "โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน กุนซือแชมป์ไทยลีกปีล่าสุด มาจากบีจี ปทุมฯ แต่ไม่รู้ว่า"โค้ชโอ่ง" มีเวลาน้อยหรือนักเตะเก่งในทีมมีเยอะเกินไป จึงทำให้ผลงานยังลุ่มๆดอนๆ หาจุดลงตัวไม่เจอ ทีมเลยตกมานอนอยู่กลางตารางอย่างที่เห็น ทั้งที่ความคาดหวังคือการไปเบียดในกลุ่มทีมลุ้นแชมป์ด้วยซ้ำ


  ขณะที่กลุ่มหนีตายที่เห็นได้ชัดมีอยู่ 4 ทีม คือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด , พีที ประจวบ เอฟซี , สุพรรณบุรี เอฟซี และ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด อาการน่าเป็นห่วงมากที่สุดคือทีมน้องใหม่อย่างเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่ผลงานย่ำแย่มาตั้งแต่เริ่มฤดูกาล ชนะนัดเดียวจาก 11 เกม จนต้องเปลี่ยนกุนซือกลางทางโดยการดึงเอา "ไอล์ตัน ซิลวา" กุนซือชาวบราซิล ที่เคยพาเชียงรายเป็นแชมป์ไทยลีก ปี 2019 มาแทนที่ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ ในการพาทีมหนีตาย แต่ไอตันคุมทีมมาได้ 2 นัดยังไม่เจอชัยชนะ ทีมยังคงนอนอยู่บ๊วยของตารางต่อเนื่อง

ด้านอีกทีมที่อยู่อันดับใกล้กันอย่างสุพรรณบุรี เอฟซี ที่ออกสตาร์ทได้ดีใน 5 เกมแรก แต่สุดท้ายผลงานเริ่มแย่ลงมาเรื่อยๆ จนมาอยู่รองบ๊วย ทำให้แฟนบอลของทีมออกมา ชูป้ายไล่  "อเดบาโย กาเดโบ" กุนซือชาวไนจีเรียของทีม ให้ลาออกจากตำแหน่ง ส่วน 2 ทีมที่เหลือถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายที่จะมาลุ้นหนีตาย เพราะด้วยงบประมาณทำทีมของทั้ง 2 ทีมไม่ได้เป็นทีมเงินถุงเงินถัง อย่างขอนแก่น ยูไนเต็ด และ พีที ประจวบ เอฟซี แต่เชื่อว่าพอจบครึ่งซีซั่นแรก บอร์ดบริหารและทีมสต๊าฟโค้ช คงจะมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงหรือเสริมตัวผู้เล่น เพื่อให้ทีมทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 

 

เพราะหากไม่ได้ตามเป้าคงตัวใครตัวมัน 
 

บทวิเคราะห์   \"ไทยลีก\"ภาพเริ่มชัดเมื่อผ่าน 11 เกม

บทวิเคราะห์   \"ไทยลีก\"ภาพเริ่มชัดเมื่อผ่าน 11 เกม

 

บทวิเคราะห์   \"ไทยลีก\"ภาพเริ่มชัดเมื่อผ่าน 11 เกม