ข่าว

จี้ คปภ. เคลียร์ปมประกันโควิด "เจอจ่ายจบ" มัดมือชก ส่ง SMS เปลี่ยนสัญญา

จี้ คปภ. เคลียร์ปมประกันโควิด "เจอจ่ายจบ" มัดมือชก ส่ง SMS เปลี่ยนสัญญา

14 พ.ย. 2564

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จี้ คปภ. เคลียร์ปมประกันโควิด "เจอจ่ายจบ" ส่ง SMS มัดมือชกเปลี่ยน - เลิกสัญญา ชี้ ควรดำเนินการตามกฎหมาย

วันนี้ (14 พ.ย.2564) นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า กรณีที่บริษัท เดอะวันประกันภัย ส่ง SMS ถึงผู้บริโภค ให้เลือกเปลี่ยน-เลิกสัญญาประกัน "เจอ จ่าย จบ" นั้น ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะปฏิเสธในสิ่งที่บริษัทประกันฯ เสนอมา เนื่องจาก

 

 

  1. ยังไม่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในฐานะนายทะเบียน ว่าอนุญาตให้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกรมธรรม์ได้
  2. หากเงื่อนไขในกรมธรรม์ ทำให้ผู้เอาประกันได้รับผลประโยชน์น้อยกว่าเดิม เช่น การจ่ายเฉพาะภาวะโคม่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคที่ซื้อแบบ เจอจ่ายจบ เพราะเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว การเกิดอาการโคม่านั้น จะมีความเสี่ยงน้อยลง
  3. การส่ง SMS เพื่อให้ผู้เอาประกันยืนยันการเปลี่ยนเงื่อนไข จึงเป็นการกระทำที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ดังนั้น ผู้เอาประกันจึงไม่ควรหลงเชื่อ และหากดำเนินการไปแล้ว สามารถแจ้งยกเลิกได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของกรมธรรม์ต้องขออนุญาต คปภ. และต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะทำได้    

 

ข้อเสนอของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 

 

  1. ขอให้ คปภ.ตรวจสอบ และสั่งให้บริษัทประกันชี้แจง และเปิดเผยว่า กรมธรรม์ที่ยังไม่เคลมมีจำนวนอีกเท่าไร 
  2. ขอให้ คปภ. พิจารณาการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของบริษัทประกัน ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ กรณีที่เสนอเปลี่ยนเงื่อนไข จาก "เจอ จ่าย จบ"  เป็นเงื่อนไขจ่ายเฉพาะภาวะโคม่า เนื่องจากปัจจุบัน มีการฉีดวัคซีน ซึ่งช่วยลดภาวะโคม่า แต่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ การกระทำของบริษัทประกันจึงเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค 
  3. ขอให้ คปภ. ดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัทประกันที่ส่งข้อความในเชิงบังคับให้ผู้ซื้อประกันเข้าใจผิดและหลงเชื่อยอมเปลี่ยนสัญญา
     

รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวเชิญชวนผู้บริโภค ให้ร่วมจับตาการประชุมเรื่องการแก้ปัญหาบริษัทประกันภัย ที่ คปภ.จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้ด้วย เพราะแม้ว่า คปภ.จะช่วยให้ธุรกิจประกันภัยไม่ให้สูญเสีย แต่ต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภค ที่เป็นผู้เอาประกันด้วย สำนักงาน คปภ.มีฐานะเป็นนายทะเบียน หากจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ที่สำคัญ ที่ คปภ.เคยอนุญาตไว้  ก็ต้องมาขออนุญาตก่อน ว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยน

 

ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงขอเรียกร้องให้ คปภ. ตรวจสอบการประกอบการและสถานะทางการเงินของ บริษัทประกันฯ ดังกล่าวโดยทันที เนื่องจากเข้าข่ายมีพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ ในฐานะผู้มีวิชาชีพประกอบธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน และขอให้ คปภ. เปิดเผยข้อมูลจำนวนผู้เอาประกันภัยโควิด ของบริษัทประกันภัยทุกบริษัทต่อสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงจำนวนที่แท้จริงของผู้เอาประกัน และเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้กับผู้บริโภคที่ทำประกันภัยโควิดทุกคน