ข่าว

‘สิงห์เอสเตท’ ชูรายได้ไตรมาส3ปี2564แตะ2,127ล้านบาท

‘สิงห์เอสเตท’ ชูรายได้ไตรมาส3ปี2564แตะ2,127ล้านบาท

21 พ.ย. 2564

‘สิงห์เอสเตท’ ชูรายได้รวมไตรมาส3ปี2564แตะ2,127ล้านบาท เติบโต20%จากปีก่อน หนุนโดยธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักร พร้อมประกาศความสำเร็จปิดการขายโครงการบ้านหรู สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส

บริษัท สิงห์ เอสเตท รายงานผลประกอบการไตรมาส3ปี2564มีรายได้รวม2,127ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น20%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มั่นใจธุรกิจฟื้นตัว สะท้อนผ่านรายได้รวมที่เติบโตต่อเนื่องติดกันเป็นไตรมาสที่3ทั้งนี้รายได้รวมดังกล่าวแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัย436ล้านบาท,ธุรกิจอาคารสำนักงาน238ล้านบาท,ธุรกิจโรงแรม1,422ล้านบาท,และธุรกิจอื่นๆ31ล้านบาท

 

บริษัทฯ ยังเดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายได้ถึง44%บวกกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น

 

จากการส่งมอบห้องชุดโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท36ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท รายงานกำไรEBITDAในไตรมาส3ปี2563จำนวน351ล้านบาท เพิ่มขึ้น16%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส3ปี2564จะมีการตัดผลประกอบการของบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) (“NVD”) ออกจากงบการเงินรวมของสิงห์ เอสเตท ตั้งแต่ต้นปี2564หลังจากธุรกรรมการขายเงินลงทุนในNVDแล้วเสร็จทว่า รายได้รวมกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง20%ซึ่งได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของธุรกิจโรงแรม 

โดยในไตรมาสดังกล่าว รายได้จากธุรกิจโรงแรมจำนวน1,410 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า1000%จากช่วงไตรมาส3ของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักร

 

ตอกย้ำความสำเร็จในการตัดสินใจปรับพอร์ทโฟลิโอ และขยายการลงทุนในแหล่งรายได้ใหม่ที่บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพในการฟื้นตัวได้เร็วกว่า ผ่านการเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนเป็น100%ของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร 

 

ส่งผลให้ "สิงห์ เอสเตท" สามารถรับรู้รายได้จากกลุ่มโรงแรมในพอร์ทนี้ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยไตรมาส3ปี2564นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร เนื่องจากการฟื้นตัวเต็มที่ของการท่องเที่ยวในประเทศที่ได้อานิสงค์จากการปลดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว

 

สะท้อนให้เห็นจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR)ของไตรมาส3ปี2564กลับไปแตะที่ระดับ95% ของช่วงก่อนโควิดได้ และมีส่วนผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักรพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิในไตรมาสที่3ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจโรงแรมกลับมาดีขึ้น แม้ว่าการดำเนินการโรงแรมในประเทศไทย สาธารณรัฐมอริเชียส และสาธารณรัฐฟิจิ ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติก็ตาม

 

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ‘S’เปิดเผยว่า“ผลประกอบการที่น่าพอใจของพอร์ทโรงแรมในสหราชอาณาจักรนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ยืนยันความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน เรายังเชื่อว่าผลประกอบการของธุรกิจโรงแรมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี ต่อไปจนถึงต้นปีหน้า 

หนุนโดยโรงแรมในโครงการCROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งจะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ เรามีความมั่นใจว่าในช่วงปลายปีRevPARของโรงแรมในพอร์ทนี้จะสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปดีกว่าช่วงก่อนโควิดได้

 

นอกจากนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย และสาธารณรัฐมอริเชียสเช่นเดียวกัน

 

สำหรับพอร์ตโรงแรมในโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์(CROSSROADS)เป็นโครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรแห่งแรกและแห่งเดียวในมัลดีฟส์ ซึ่งมีความหลากหลายในการต้อนรับลูกค้าหลายกลุ่ม เสริมด้วยจุดแข็งด้านที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติหลัก ใช้เวลาเดินทางเพียง15นาทีทางเรือสปีดโบ้ท

‘สิงห์เอสเตท’ ชูรายได้ไตรมาส3ปี2564แตะ2,127ล้านบาท

โดยในไตรมาส4เราคาดหวังการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มHigh Spending เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นๆ ในยุโรปทำให้เราคาดการณ์REVPARเฉลี่ยต่อคืนในไตรมาส4ปี2564ว่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นเท่ากับหรือดีกว่าระดับPre-COVID19ได้ 

 

นอกจากนี้เราคาดหวังว่าการดำเนินงานโรงแรมประเทศอื่นๆ ที่ได้รับความชัดเจนด้านนโยบายการเปิดประเทศจากรัฐบาลแล้ว จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างดีเช่นเดียวกับพอร์ตCROSSROADSโดยเราเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากโรงแรมOutrigger Mauritius Beach Resort

 

ซึ่งได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่1ตุลาคม2564พร้อมกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยอัตราการเข้าพักในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนแรกที่กลับมาเปิดให้บริการถึง40%พร้อมโมเมนตัมที่แข็งแกร่งต่อเนื่องตลอดฤดูกาลท่องเที่ยว

‘สิงห์เอสเตท’ ชูรายได้ไตรมาส3ปี2564แตะ2,127ล้านบาท

ธุรกิจอาคารสำนักงานของ "สิงห์ เอสเตท" ยังสามารถรักษาอัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยโดยรวมได้ที่ระดับ87%ในงวด9เดือนปี2564ผ่านการต่อสัญญากับผู้เช่าเดิมได้อย่างต่อเนื่องและปล่อยเช่าพื้นที่เพิ่มเติม

 

สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของทีมงานในการเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมได้ถูกเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าของเรามีธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังต้องการพื้นที่สำนักงานเพิ่มเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยเฉพาะอาคารสำนักงาน สิงห์ คอมเพล็กซ์ที่มีอัตราการปล่อยเช่าสูงถึง95%

 

“สำหรับธุรกิจที่พักอาศัยจากความสำเร็จในการขาย “โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ทั้งหมดจำนวน25ยูนิตตอกย้ำและแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าในแบรนด์ของสิงห์ เอสเตท ที่ใส่ใจและมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิต ที่ดีให้กับลูกบ้าน ผ่าน3แนวคิดSmart Living, Healthy LivingและSustainable Livingเพื่อพัฒนาและส่งมอบคุณภาพโครงการใน ระดับBest in Classให้กับลูกบ้านทุกคน

 

โดยเรายังคงมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อก้าวสู่แท่นผู้นำในตลาดบ้านลักชัวรี เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จจากผลตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าต่อแบรนด์บ้านเดี่ยวของ "สิงห์ เอสเตท" โดยเราคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการแรกที่พัฒนาการ32ได้ภายในไตรมาส2ปี2565”นางฐิติมากล่าว