เปิดใบมรณบัตร "ไฮโซแบงค์" ไม่ได้เสียชีวิตจาก "มะเร็ง" อย่างที่ทุกคนเข้าใจ | คมชัดลึก

จากกรณีที่ นางกัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย หรือ "ไฮโซแบงค์" เจ้าของธุรกิจความงามชื่อดัง เสียชีวิตภายในบ้านพักในซอยสุขุมวิท 23 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ดังที่ปรากฏเป็นข่าวดังตามหน้าสื่อทั่วประเทศ โดย ณ เวลานั้นมีข่าวเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียทุกช่องทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง”

กระทั่งเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ประกอบด้วยนายไตรรัตน์-นางแกมกาญจน์ ณ พัทลุง (บิดา-มารดา) และนางสาวกิรัติมา ณ พัทลุง น้องสาว ได้เข้าไปสอบถามความคืบหน้าในข้อเรียกร้องให้ช่วยติดตามและเร่งรัดผลคดีกับทาง สน.ทองหล่อ พื้นที่เจ้าของคดี เนื่องจากไม่เชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นว่าเป็นการ "ฆ่าตัวตาย"

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำเอาสังคมช็อคไปตามๆ กันว่า “ไฮโซแบงค์” เสียชีวิตด้วยสาเหตุใดกันแน่ และทำไมที่ผ่านมาทุกคนจึงคิดว่า “ไฮโซแบงค์” เสียชีวิตด้วย “โรคมะเร็ง” ทั้งนี้ผู้สื่อข่าว คมชัดลึกออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง นางสาวกิรัติมา ณ พัทลุง น้องสาวไฮโซแบงค์ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งได้รับคำตอบว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวไม่เคยให้ข่าวว่า “ไฮโซแบงค์” เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง แต่น่าจะเกิดจากคนรอบข้างที่ทราบข่าวว่าพี่สาวเป็นมะเร็งอยู่แล้ว จึงเข้าใจว่า“ไฮโซแบงค์” เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง  ทั้งๆ ที่ในใบมรณบัตรที่ออกโดยสำนักงานเขตวัฒนา เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ระบุถึงสาเหตุการตายว่า “สันนิษฐานการสำลักโลหิตจากบาดแผลถูกของมีคมบริเวณลำคอ”

ซึ่งจนถึงขณะนี้นางกัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย ได้เสียชีวิตจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 80 วัน ก็ยังมิได้รับการแจ้งผลการชันสูตรพลิกศพและสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงจากเจ้าพนักงานตารวจผู้รับผิดชอบสอบสวนคดี

ขณะที่เมื่อวันที่ 24 พ.ย.64  พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส  ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า  พนักงานสอบสวน ได้ไปรับผลการตรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 พ.ย.  แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี

อีกทั้งผลการตรวจวัตถุพยาน โดยเฉพาะมีดที่พบในที่เกิดเหตุทั้ง 2 เล่ม ยังไม่เรียบร้อย ทำให้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ผู้เสียชีวิต เสียชีวิตจากการใช้อาวุธมีดที่พบในที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ หากว่าได้รับมาแล้ว ก็จะพิจารณาต่อไปว่า ต้องเรียกสอบปากคำพยานรายใดเพิ่มเติมอีกบ้าง 

ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน ไม่ได้เรียกสอบปากคำ พ่อ แม่ และน้องสาว ของผู้เสียชีวิตนั้น พ.ต.อ.ดวงโชติ ระบุว่า เนื่องจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุในครั้งแรก และผลการสอบสวนสามี และแม่บ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่พบประเด็นน่าสงสัยว่า จะเป็นเหตุฆาตกรรม

อีกทั้งเมื่อวานนี้ทั้งพ่อ และน้องสาว ก็แจ้งกับพนักงานสอบสวนว่า จะขอดูผลการชันสูตรผู้เสียชีวิตก่อน อย่างไรก็ตาม หากครอบครัวผู้เสียชีวิตมีประเด็นติดใจสงสัย ตำรวจก็พร้อมสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความกระจ่าง