ข่าว

ต่อยอดผลงานวิจัย จากการค้นพบแบคทีเรีย ลดเชื้อราก่อโรคในพืช

ต่อยอดผลงานวิจัย จากการค้นพบแบคทีเรีย ลดเชื้อราก่อโรคในพืช

28 พ.ย. 2564

ม.มหิดล ค้นพบ แบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ ลดเชื้อราก่อโรคในพืช พลิกวิกฤติการส่งออกเกษตรไทย ต่อยอดผลงานวิจัย สร้างยาใหม่ เพื่อมวลมนุษยชาติ

การพัฒนาชีวิตบนบกให้สมบูรณ์และยั่งยืน หรือ “Life On Land” ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ SDGs15 ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของดิน

 

ก่อให้เกิดแหล่งอาหารจากการปลูกพืชงอกงาม และสามารถสนองต่อเป้าหมาย SDGs 2 “Zero Hunger” ที่ว่าด้วยการขจัดความหิวโหยได้อีกด้วย

 

ผศ.ดร.บังอรศิริ อินตรา ประจำภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ผู้คว้ารางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : รางวัลวิทยานิพนธ์ ระดับดีมาก สาขาเกษตรศาสตร์ และชีววิทยา ประจำปีงบประมาณ 2564 จากผลงานวิจัยซึ่งมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วัฒนาลัย ปานบ้านเกร็ด เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาใน

 

เรื่องการคัดเลือก การบ่งชี้และการศึกษาคุณลักษณะของสายพันธุ์และสารทุติยภูมิเชื้อแอคติโนมัยซีท จาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งมีรายได้ส่วนใหญ่จากการทำการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีจำเป็นต้องมีการควบคุมโรคพืช ที่ผ่านมาพบปัญหา เชื้อราก่อโรค

ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลของเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชเศรษฐกิจที่ปลูกเพื่อการส่งออกนำรายได้เข้าประเทศ

 

จึงได้นำมาเป็นโจทย์วิจัยสู่การค้นพบ ชีววิธี ที่สามารถลดการดื้อยาของเชื้อโรคในพืช ซึ่งทำให้เกษตรกรต้องใช้สารเคมีในปริมาณที่มากขึ้น

 

และการออกฤทธิ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อทั้งชีวิตมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

 

ซึ่ง แอคติโนมัยซีท (Actinomycetes) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในดิน ซึ่งทีมวิจัยได้นำมาทำการแยกเชื้อ จากที่ได้ศึกษาพบว่าสามารถนำไปสร้างยาปฏิชีวนะ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จึงได้ต่อยอดทำการวิจัย

 

โดยนำเอาเชื้อดังกล่าวมาคัดแยกจนได้สายพันธุ์ใหม่ขึ้นในประเทศไทย และศึกษาโครงสร้างทางเคมีของสารใหม่ที่ผลิตได้ในสายพันธุ์ดังกล่าว 

นอกจากนี้ยังได้ศึกษาด้านพันธุศาสตร์ของยีนที่ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของเชื้อดังกล่าวอีกด้วย

 

งานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐานดังกล่าวต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติถึง 5 เรื่องภายในระยะเวลา 5 ปี และกำลังพัฒนาสู่ชีวภัณฑ์ที่สามารถต้านเชื้อราในพืช

 

ตลอดจนเพื่อการสร้างยาใหม่ ซึ่งสามารถขยายผลให้ใช้ได้จริงเพื่อประโยชน์แห่งมวลมนุษยชาติต่อไป

 

นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางการเกษตร และทางการแพทย์แล้ว ยังเกิดคุณูปการต่อเศรษฐกิจชาติ จากการสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศไทยได้ต่อไปอีกด้วย