มิจฉาชีพ "เฟซบุ๊ก" ตุ๋นสาวพิการ หลอกโอนเงิน 800 ครั้ง สูญเกือบ2ล้าน
สาวพิการหอบหลักฐาน ร้อง ตำรวจนครบาล หลังตกเป็นเหยื่อถูกสาวหลอกโอนเงินกว่า 800 ครั้ง สูญเงินเก็บทั้งชีวิตเกือบ 2 ล้านบาท เผยรู้จักผ่านทาง "เฟซบุ๊ก" สงสารอ้างตกงาน มีปัญหาการเงิน ช่วงแรกยืมแล้วคืน ก่อนเงียบหายไป
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นางสาวหวาน (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้พิการโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับทาง ร.ต.อ.ชัยค์บุริศฐ์ ธนะสิทธิ์ รอง สว.ฝอ.1 บก.อก.บช.น. หลังถูกหญิงสาวรายหนึ่ง ที่รู้จักกันใน "เฟซบุ๊ก" หลอกยืมเงินโดยให้โอนไปถึง 862 ครั้ง จนหมดบัญชี รวมเป็นเงินเกือบ 2 ล้านบาท
นางสาวหวาน เปิดเผยว่า หลังจากได้รู้จักกับหญิงผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ก็ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ จากการเล่าสู่กันฟังว่า ตกงาน และมีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้ตนเองรู้สึกสงสาร จึงให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และให้หยิบยืมเงินหลายครั้ง ในช่วงแรกเงินที่ยืมเงิน ก็ได้คืนตามปกติ
แต่ระยะหลังกลับไม่คืนเงินให้ แถมยังขอยืมเงินเพิ่มอีก โดยอ้างว่าจะไปใช้หนี้เก่า เพื่อจะได้ไปกู้เงินมาใช้หนี้ทั้งหมดให้ โดยเงินที่ถูกยื่มไปทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท เป็นเงินที่กู้มา และเก็บออมจากการทำงานมาตลอดชีวิต ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป้นอย่างมาก นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุยังไปหลอกผู้เสียหายรายอื่นๆ อีกหลายราย ซึ่งในนั้นมีนายอั๋น ซึ่งได้เดินทางมาร้องทุกข์ด้วย
ขณะที่ นายอั๋น เล่าว่า เดิมทีรู้จักกับนางสาวหวาน อยู่แล้ว แล้วก็ได้รับรู้เรื่องราวที่นางสาวหวาน ได้ถูกหญิงผู้ก่อเหตุยืมเงินไป แต่ไม่ได้คืน จึงเข้ามาเป็นตัวกลาง เพื่อประสานในการเจรจาพูดคุยกันให้คืนเงิน แต่ทางฝ่ายมิจฉาชีพใช้ข้ออ้างต่างๆ นานาว่า จำเป็นต้องใช้เงินเป็นค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่าย และค่าเดินทาง
เพื่อเดินทางจากจังหวัดเชียงราย มาเจรจากับนางสาวหวาน ที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้น จึงขอหยิบยืมเงินจากนายอั๋น หลายครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 20,000 บาท แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้เดินทางมาตามนัดแต่อย่างใด ซึ่งถูกหางเลขโดนหลอกไปด้วย
อย่างไรก็ตาม นางสาวหวาน บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เคยไปติดต่อ เพื่อจะร้องเรียนกับสื่อมวลชน โดยทางคู่กรณีอ้างว่าจะฆ่าตัวตาย จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีหญิงผู้ก่อเหตุที่ สน.ตลิ่งชัน แต่ทางตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ
โดยให้เหตุผลว่า เป็นคดีฉ้อโกง ให้คู่กรณีไปเจรจากันก่อน ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามจะติดตามหาตัวหญิงผู้ก่อเหตุ แต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว จึงมาร้องเรียนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขอให้ตำรวจให้ความช่วยเหลือทางคดีด้วย "เฟซบุ๊ก"