ตำรวจนครบาล ยืนยัน ไม่ได้ใช้กำลัง "สลายม็อบจะนะ" ชุมนุมหน้าทำเนียบ
ตำรวจนครบาล ยืนยัน ไม่ได้ใช้กำลัง หรือความรุนแรง "สลายม็อบจะนะ" บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ย้ำตำรวจปฎิบัติตามยุทธวิธีหลักสากล โดยให้ตำรวจหญิง ช่วยเชิญตัวออกจากพื้นที่หวงห้าม
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวยืนยันถึงเหตุความจำเป็น ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ "สลายม็อบจะนะ" และดำเนินคดีตามพระราชกำหนด ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฉุกเฉินฯ และความผิดเกี่ยวกับการกีดขวางพื้นผิวการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรฯ กับกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จากจังหวัดสงขลา จำนวน 37 คน
บริเวณประตูข้างทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางมาประท้วง เพื่อทวงสัญญาจากรัฐบาล กรณีจะจัดให้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA แบบมีส่วนร่วมก่อนการก่อสร้างโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ทั้งนี้ พล.ต.ต.จิรสันต์ รอง ผบช.น. ระบุว่า การชุมนุม มีการตั้งสิ่งกีดขวางการจราจร ผ่านเข้าออกพื้นที่ประตูด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามส่งตัวแทนเข้าไป เพื่อขอให้ยุติการจัดกิจกรรมในบริเวณนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากกลุ่มผู้ชุมนุม
อีกทั้ง ยังฝ่าฝืนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 และประเด็นสำคัญ ข้อเรียกร้องของชาวบ้านกลุ่มนี้ รัฐบาลเคยรับข้อเรียกร้องไปแล้ว เมื่อปี 2563 โดยข้อเรียกร้องอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน "สลายม็อบจะนะ"
นอกจากนี้ จากการข่าวยังพบว่า การชุมนุมของกลุ่มชาวบ้านจะนะ มีการแฝงตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มอื่น และมีแนวโน้มอาจจะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นได้ในอนาคต โดยยืนยันได้จากหลักฐานที่พบ หลังจากตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ และคุมตัวกลุ่มชาวบ้านไปไว้ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต แล้ว ได้มีกลุ่มวัยรุ่นพยายามจุดพลุ และก่อความวุ่นวาย บริเวณด้านหน้าสโมสรตำรวจ
"ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การใช้ยุทธวิธีดังกล่าว เป็นไปด้วยความละมุนละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช่การสลายการชุมนุม มีการใช้ตำรวจหญิงชุดควบคุมฝูงชน เข้าไปดูแลกลุ่มชาวบ้านที่เป็นสตรี และผู้สูงอายุ รวมทั้งเคลื่อนย้ายสิ่งของสัมภาระของกลุ่มผู้ชุมนุม ให้พ้นพื้นผิวการจราจร" "สลายม็อบจะนะ"