ข่าว

ฎีกายืน ตามศาลอุทธรณ์ คุก 2 ปี 14 เดือน เจ้าสัว "เปรมชัย" กับพวก "คดีเสือดำ"

ฎีกายืน ตามศาลอุทธรณ์ คุก 2 ปี 14 เดือน เจ้าสัว "เปรมชัย" กับพวก "คดีเสือดำ"

08 ธ.ค. 2564

ศาลจังหวัดทองผาภูมิ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ยืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก เจ้าสัว "เปรมชัย" เหลือ 2 ปี 14 เดือน กับพวก ใน "คดีเสือดำ" ในเขตพื้นที่สงวนพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

8 ธ.ค.2564  ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังศาลจังหวัดทองผาภูมิ อ่านคำพิพากศาลฎีกา คดีเสือดำ ลงโทษจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอส บมจ.อิตาเลียนไทยฯ กับพวก ระบุว่า

 

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2561 อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูตร  , นายยงค์ โดดเครือ , นางนที เรียมแสน , และนายธานี ทุมมาศ ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่น ๆ อีกหลายข้อหา ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2562  ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุก นายเปรมชัย  16 เดือน , นายยงค์ จำคุก 13 เดือน ,นางนที จำคุก 4 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โทษจำ รอการลงโทษ 2 ปี และ นายธานี จำคุก 2 ปี 17 เดือน 

 

โดยยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน 

 

ต่อมาวันที่ 24 พ.ค. 2562  อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7  ได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา และต่อมา วันที่ 12  ธ.ค.2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ โดยจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูตร เป็นเวลา  2 ปี 14 เดือน , จำคุกนายยงค์ โดดเครือ เป็นเวลา 2 ปี 17 เดือน , นางนที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น ,และจำคุกนายธานี ทุมมาศ เป็นเวลา 2 ปี 21 เดือน 

 

หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกา ต่อมาวันที่ 31 มี.ค. 2563 จำเลย 3 ราย คือ นายเปรมชัย , นายยงค์ และนายธานี ได้ยื่นฎีกา 

 

 

คดีนี้ ศาลฎีกา ได้พิจารณา แล้ว มีคำพิพากษา ในวันนี้ ดังนี้ 

 

ฎีกาของจำเลยทั้ง 3 ราย ฟังไม่ขึ้น และไม่มีเหตุต่อการรอการลงโทษ แต่ต่อมา ได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535  โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2562  ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้ง 3 จึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2

 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวผู้พิพากษา เปิดเผยว่า สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ระบุว่า พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดยพ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 (ผู้ใดช่วยซ่อนเร้นฯ หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้มาจากการกระทำความผิด) การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้นั้น ข้อหานี้ศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาลงโทษ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายเปรมชัย กับพวกข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าฯ (กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท) ซึ่งมีโทษบทหนักสุด ข้อหานี้กฎหมายไม่ได้ยกเลิก ทำให้จำเลยทั้งหมดไม่ได้ลดโทษ 
 

 

คงโทษนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 ต้องได้รับโทษจำคุก 2 ปี 14 เดือน , นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 ได้รับโทษจำคุก 2 ปี 17 เดือน และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ได้รับโทษจำคุก 2 ปี 21 เดือน เหมือนกับที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาออกมา พร้อมชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย