ข่าว

"ถาวร เสนเนียม" หลั่งน้ำตาทำพรรคเสียชื่อเสียง ขอโทษผู้ใหญ่ที่ทำให้ผิดหวัง

"ถาวร เสนเนียม" หลั่งน้ำตาทำพรรคเสียชื่อเสียง ขอโทษผู้ใหญ่ที่ทำให้ผิดหวัง

08 ธ.ค. 2564

"ถาวร เสนเนียม" หลั่งน้ำตาทำพรรคเสียชื่อเสียง ขอโทษผู้ใหญ่ที่ทำให้ผิดหวัง ลั่น ยอมรับผลวินิจฉัย แต่ไม่เห็นด้วย

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ "นายถาวร เสนเนียม" อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้สิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็นส.ส. ว่า หลังจากนี้ที่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่นั้น ก็ต้องมองว่าพรรคไหน ส่งใคร ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน 

 

สำหรับคำวินิจฉัยของศาล  ตนมองว่าการที่ตนทำหน้าที่เป็นพลเมืองออกมาต่อสู้การออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย และต่อสู้กับรัฐบาลทรราชในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ่งที่กระทำในตอนนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยรองรับการชุมนุม ของพี่น้องมวลมหาประชาชน และแกนนำ กปปส.

 

อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาจากการทำหน้าที่ของการเป็นพลเมืองในวันนั้น ทำให้มีคนล้มตาย บาดเจ็บและต้องโทษทางดดีสิ่งที่มารับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ อย่างแรกคำพิพากษาของศาลอาญาแกนนำไม่เคยหลบหลีกไม่เคยหลบหนีและยอมรับคำพิพากษาและเข้าคุก ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อเนื่องกับคำพิพากษาของศาลอาญา

 

อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญต้องคุ้มครองผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจนกว่าศาลจะพิพากษาและคดีถึงที่สุด แต่สิ่งที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้แม้จะยอมรับโดยหลักการแต่รับไม่ได้กับเหตุผล ที่ระบุว่านักการเมืองเหล่านี้ไม่ควรได้รับไว้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ทางการเมืองอีกต่อไป เมื่อเปรียบเทียบกับการกระทำของนักการเมืองที่ผ่านมา บางคนบางคดี ถามกลับไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าบรรทัดฐาน ที่ได้วินิจฉัยออกมาแม้ตนจะยอมรับแต่ตนไม่เชื่อถือ การยอมรับกับการเชื่อถือไม่เหมือนกัน จะหาว่าตนละเมิดอำนาจศาลไม่ได้เพราะตนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น

รัฐธรรมนูญ มีไว้เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาทำหน้าที่ในสภาวันที่ ศาลอาญานัดคำฟังคำพิพากษาและได้รับการประกันตัวออกมา กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 125 เขียนไว้ว่า เปิดโอกาสให้ศาลพิจารณาคดีในระหว่าง สมัยประชุมได้แต่จะไปขัดขวางการทำหน้าที่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญเขียนคำวินิจฉัยเอาไว้ว่า เมื่ออ่านคำพิพากษาเสร็จแล้ว ไม่ใช่กระบวนการพิจารณา

 

เพราะฉะนั้นเอามาตรา 125 วรรค 4 มาใช้บังคับไม่ได้ ตนจึงขอถามกลับไปว่า การใช้ดุลพินิจในการให้ประกันตัว การใช้ดุลพินิจในการส่งคดีไปยังศาลอุทธรณ์ การใช้ดุลพินิจในการไม่ให้ประกันตัวนั่นคืออะไร ไม่ได้เรียกว่ากระบวนการพิจารณาที่ใช้ดุลพินิจของศาลหรือ

 

แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญใช้แนวทางอย่างนี้ต่อไป ถ้าหากฝ่ายรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจรัฐจับกุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปสัก 20 คน ขัง 1 นาทีคนเหล่านั้นก็จะขาดการเป็นสมาชิกสภาพมาประชุมไม่ได้มาลงมติไม่ได้ ก็จะเกิดการกลั่นแกล้ง แนวทางนี้ขอความกระจ่างจากศาลรัฐธรรมนูญ ในการใช้ทัศนคติ วิสัยทัศน์ในการมองของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

อย่างไรก็ตามตนยอมรับโดยดุษฎีภาพแต่ในความเป็นนักกฎหมาย ก็จำเป็นที่จะต้องแสดงความคิดเห็น ว่ายอมรับแต่ไม่เห็นด้วย

 

ทั้งนี้ "นายถาวร" ยังนำบัตรประจำตัว ส.ส. รัฐมนตรีช่วยและสมาชิกพรรคประชิปัตย์มาแสดงพร้อมระบุว่าผลที่ตามมาหลังคำวินิจฉัยในวันนี้คือ ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส. ความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในฐานะ ส.ส. ,การเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม และที่ตามมาเจ็บปวดมากสำหรับชีวิตนักการเมืองอย่างตน  ตนเองเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 20 กันยายน 2511 โดยเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ปี 1

 

โดยเป็นสมาชิกพรรคมา53 ปีนับเป็น 53 ปีของความภูมิใจ ชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์ ทุ่มเททำงานร่วมกับคนในพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ศาลเขียนว่าตนเองเป็นผู้มีความมัวหมอง  เป็นผู้ไม่น่าไว้วางใจ มีความน่ารังเกียจจากการกระทำความผิด ไม่สมควรจะเป็นนักการเมือง ทั้งนี้ในหมวดสองข้อ 9 ของข้อบังคับพรรค เขียนล้อมาตรา 98 เมื่อถูกศาลพิพากษาจำคุก ถูกคุมขังโดยหมายศาล ศาลรัฐธรรมนูญว่าการขังใน 2 วันเป็นการโดยชอบที่จะต้องขาดจาการเป็น ส.ส. ก็จะทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกภาพพรรคประชาธิปัตย์ด้วย 


 

"นายถาวร" กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนพร้อมหลั่งน้ำตาว่า ด้วยน้ำตาตกใน ด้วยอกระทมด้วยความเจ็บปวดที่ไม่มีคำบรรยายใด ๆ ทั้งสิ้นที่จะบอกพี่น้องประชาธิปัตย์ บอกกรรมการบริหารพรรค บรรพบุรุษพรรคประชาธิปัตย์ว่า "ผมสิ้นแล้ว สิ้นเกียรติยศที่จะเป็นสมาชิกพรรค ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องกราบขออภัยที่ทำให้พรรคมัวหมอง กราบขอโทษผู้ใหญ่ในพรรคที่ทำให้ผิดหวัง  

 

พุทธิพงษ์  #เจ็บแต่ไม่จบ น้อมรับคำตัดสิน รับเจ็บปวดแต่ต้องอดทน ยันอุดมการณ์บนถนนการเมือง  20ปี ไม่มีเปลี่ยน 

 

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พร้อมพวกพ้นสมาชิกภาพความเป็นส.ส. จากกรณีถูกคุมขังตามคำพิพากษาของศาลอาญาในคดีขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ว่า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า จากข้าราชการธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากจะช่วยเหลือประเทศตัวเองบอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากทำงานการเมือง ตั้งใจอยากจะทำอะไรดี ๆ ให้บ้านเมืองบ้าง

\"ถาวร เสนเนียม\" หลั่งน้ำตาทำพรรคเสียชื่อเสียง ขอโทษผู้ใหญ่ที่ทำให้ผิดหวัง

หลาย ๆ คนก็เตือนว่ามันไม่ง่ายเพราะเราไม่ได้มีฐานการเมืองเหมือนคนอื่น ต้องเริ่มทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เราก็ตัดสินใจเดินตามความฝันของตัวเอง จากการตัดสินใจในวันนั้นมาถึงวันนี้ 20ปีเต็ม ผ่านเรื่องราวมากมาย ได้
พบกับสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆมากมาย ที่สำคัญได้พบกับประชาชนที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เป็น ส.ส กรุงเทพฯสมัยแรก เขตพญาไท เขตราชเทวี และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ตามด้วยสมัยต่อมาเขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง จนมาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่3 ของพรรคการเมืองหลักของรัฐบาลนี้ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่อีก 1ปี 6เดือน 

\"ถาวร เสนเนียม\" หลั่งน้ำตาทำพรรคเสียชื่อเสียง ขอโทษผู้ใหญ่ที่ทำให้ผิดหวัง

ตลอด20ปี ผมเชื่อมั่นในเสียงประชาชน เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย ลงสมัครและเป็น ส.ส ที่มาจากการเลือกตั้ง เชื่อมั่นในทุกๆคะแนนและความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้มาตลอด

 

วันนี้ก็คงถึงเวลาที่ต้องพักงานการเมืองที่รักและทุ่มเทมาตลอดแล้ว ด้วยคำพิพากษาที่เกิดขึ้น คงสะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างในกระบวนการยุติธรรม แต่เราอยู่ภายใต้กฏและกติกา ก็ต้องรับในคำตัดสินนั้น 

 

ขอบพระคุณทุก ๆ กำลังใจที่มอบให้ผมมาโดยตลอด ผมยืนยันในอุดมการณ์และความตั้งใจที่ดีต่อประเทศชาติไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่โอกาสที่จะทำหน้าที่ทางการเมืองจากนี้คงลดลง ความตั้งใจดีที่ทำมาคงพอมีเหลือให้ได้คิดถึงกันบ้างนะครับ  เจ็บปวดแต่ก็ต้องอดทน  #เจ็บแต่ไม่จบ