ราชทัณฑ์แถลงปมลดโทษนักโทษคดีทุจริตเข้าเงื่อนไขประเภทคดีอาญาร้ายแรง
ราชทัณฑ์ แถลงคลายปมข้อสงสัยกรณีการลดโทษผู้ต้องขังเป็นไปตามการบริหารโทษและตามกรอบของกฎหมาย ชี้กรณี นักโทษคดีทุจริต บุญทรง เตริยาภิรมย์ เข้าเงื่อนไขประเภทคดีอาญาร้ายแรง
ตกเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย... จากกรณีเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย ) หรือ ACT ออกแถลงการณ์คัดค้านการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชัน พร้อมกับเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทบทวนในกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนยังมีความเชื่อถือ เชื่อมั่นและไว้วางใจว่าคณะรัฐบาลชุดนี้ยังคงให้ความสำคัญต่อการต่อต้านคอร์รัปชัน
อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าว นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกคำแถลงชี้แจงผ่านเพจประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชัน
รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า กรณีที่มีกระแสสังคม ตั้งคำถามผ่านสื่อต่าง ๆ ถึงหลักเกณฑ์การอภัยโทษว่าอาจมีการให้สิทธิพิเศษต่อผู้ต้องขังบางกลุ่ม นั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอทำความเข้าใจเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอภัยโทษ รวมถึงการบริหารโทษของกรมราชทัณฑ์ ว่าการอภัยโทษมีการสืบทอดเป็นโบราณราชประเพณีเนื่องในโอกาสสำคัญของบ้านเมือง เพื่อให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิดได้กลับตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ
ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่ากรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจเหนือคำพิพากษาศาล ขอชี้แจงว่า การพิพากษากำหนดโทษเป็นอำนาจของศาล ในส่วนการบริหารโทษ เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ภายใต้อำนาจของกฎหมาย
สำหรับหลักเกณฑ์ในการที่นักโทษจะได้รับอภัยโทษ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี ตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไป ส่วนจะได้รับการลดโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นและประเภทคดีเป็นสำคัญ ประกอบด้วย คดีอาญาทั่วไป คดีอาญาร้ายแรง คดียาเสพติดรายย่อย และคดียาเสพติดรายใหญ่ โดยจะได้รับการลดโทษตามหลักเกณฑ์ คือ
คดีอาญาทั่วไป
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 2
ชั้นดีมาก 1 ใน 3
ชั้นดี 1 ใน 4
ชั้นกลาง 1 ใน 5
คดีอาญาร้ายแรง
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 3
ชั้นดีมาก 1 ใน 4
ชั้นดี 1 ใน 5
ชั้นกลาง 1 ใน 6
คดียาเสพติดรายย่อย
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 5
ชั้นดีมาก 1 ใน 6
ชั้นดี 1 ใน 7
ชั้นกลาง 1 ใน 8
คดียาเสพติดรายใหญ่
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 6
ชั้นดีมาก 1 ใน 7
ชั้นดี 1 ใน 8
ชั้นกลาง 1 ใน 9
รองอธิบดีราชทัณฑ์ ยกตัวอย่างว่า โดยตัวอย่างการคำนวณการลดโทษ สำหรับคดีอาญาทั่วไป นักโทษเด็ดขาดชาย ก. อยู่ในชั้นเยี่ยม กำหนดโทษจำคุก 30 ปี จะได้ลด 1 ใน 2 ตามเกณฑ์ข้างต้น คือจะได้ลด 15 ปี ดังนั้น จึงเหลือกำหนดโทษจำคุกอีก 15 ปี
แต่หากเป็นคดีอาญาร้ายแรง ถ้านักโทษเด็ดขาดชาย ก. เป็นผู้กระทำผิดในคดีอาญาร้ายแรง มีกำหนดโทษจำคุก 30 ปี และเป็นชั้นเยี่ยมเช่นเดียวกัน จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 คือจะได้ลด 10 ปี ดังนั้น จึงเหลือกำหนดโทษจำคุกอีก 20 ปี
ด้านกรณีของนายบุญทรงฯ คดีจำนำข้าวที่ปรากฏเป็นข่าว ถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง ศาลได้ตัดสินจำคุก มีกำหนดโทษ 48 ปี และได้รับการอภัยโทษจำนวน 4 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 วันที่ 15 สิงหาคม 2563 ได้ลดโทษ 12 ปี (ลดโทษ 1 ใน 4 ชั้นดีมาก) เหลือโทษจำคุก 36 ปี
ครั้งที่ 2 วันที่ 5 ธันวาคม 2563 ได้ลดโทษ 12 ปี (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 24 ปี
ครั้งที่ 3 วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ได้ลดโทษ 8 ปี (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 16 ปี
ครั้งที่ 4 วันที่ 6 ธันวาคม 2564 ได้ลดโทษ 5 ปี 4 เดือน (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 10 ปี 8 เดือน
กรมราชทัณฑ์ ขอให้สังคมและประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และจะปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนด้วยความเสมอภาค เท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ หรือให้สิทธิประโยชน์ต่อผู้ต้องขังกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ พร้อมให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดทุกคนได้กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นายสมชาย แสวงการ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ไว้ที่เพจส่วนตน ระบุว่า เห็นชื่อบิ๊กเนมคดีทุจริตจำนำข้าวคดีทุจริตท่องเที่ยวฯลฯ ได้รับการลดโทษกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์
ขอเสนอไอเดียปิ้งปลาประชดแมวดีมั้ยครับเรียกร้องให้ศาลไทยมีคำพิพากษาคดีทุจริตได้ไม่เกิน5ปี เพราะข้อเท็จจริง หลายๆคดีทุจริตก็ติดคุกกันแค่นั้น?
เลิกๆไปเถอะครับ กับข้อเสนอปฏิรูปเรียกร้องให้ทุจริตไม่มีอายุความ
เพราะข้อเท็จจริงคือ คดีทุจริตไม่มีอายุติดคุกจริง กระบวนการยุติธรรมถูกบ่อนเซาะจนแทบไร้ความหมาย
การสืบสวนสอบสวนทุกขั้นตอนกว่าที่ปปช.จะรวบรวมเอกสารสำนวนคดีจนมีมติและส่งฟ้อง
แถมยังต้องลุ้นว่าอัยการสั่งฟ้องหรือไม่ หรือต้องตั้งคณะกรรมการร่วมหรือต้องฟ้องเอง ก็สู้กันหลายยก หมดงบประมาณไปมากโขและหมดเวลาหลายปี กว่าศาลฎีกาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะใช้เวลาพิจารณาคดีจนถึงวันตัดสินคดีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีทุจริตกันได้นั้นต้องชัดเจนมากๆ
ทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคล จนสิ้นสงสัย ถึงได้ตัดสินโทษพิพากษาหนักจำคุกจำเลย 50 ปีได้แต่แล้ว กลับเจอขบวนการปลายน้ำในชั้นในคุกที่น่าจะใหญ่กว่ากระมัง???
ไม่ว่าศาลจะลงโทษจำคุก50ปี มามากมายไปเท่าใด ก็เท่านั้น
ผู้ต้องหาคดีทุจริตทั้งหลาย ให้มีเหตุทำเรื่องยกเกรดกลายเป็นนักโทษชั้นดีพรีเมี่ยมทำเรื่องขอลดโทษ ขอพระราชทานอภัยโทษกันขึ้นไปปีละหลายหน จนติดจริงคุกกันแค่ไม่กี่ปี
หนี้จำนำข้าว700,000ล้านคนไทยยังผ่อนดอกผ่อนต้นใช้หนี้ไปไม่ถึงไหน???
555 ปีหน้าช่วยกันหามช่วยกันแห่ทำเรื่องกันอีกรอบ ก็ออกมาสุขีสุโขไชโยกันแล้ว
#น่าอนิจจาประเทศไทย