ข่าว

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

19 ธ.ค. 2564

ได้มีความพยายามที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่13 อยู่หลายครั้ง สุดท้ายประสบความสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ.2528 ว่าด้วยเรื่อง ระบบการเลือกตั้ง โดยแก้ไขจากแบบรวมเขตรวมเบอร์ หรือ คณะเบอร์เดียว มาเป็นการเลือกตั้งแบบผสม ติดตามได้ที่ย้อนรอย89ปีรธน.ไทย EP.12

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 นี้ เป็นผลจากการร่างของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามข้อกำหนดในธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ.2520 ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นเพื่อใช้แทนรัฐธรรมนูญเก่า และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบ แล้วประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2521
 

รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีบทบัญญัติทั้งหมดรวมบทเฉพาะกาล 206 มาตรา โดยสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นับว่าเป็นประชาธิปไตยพอสมควร หากไม่นับบทบัญญัติเฉพาะกาล ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในช่วง 4 ปีแรกของการประกาศใช้ โดยหลักการคล้ายคลึงกับรัฐธรรมนูญปี 2515 และ 2517
 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

ขณะเดียวกันได้มีความพยายามที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ.2528 ว่าด้วยเรื่อง ระบบการเลือกตั้ง โดยแก้ไขจากแบบรวมเขตรวมเบอร์ หรือ คณะเบอร์เดียว มาเป็นการเลือกตั้งแบบผสม เขตละไม่เกิน 3 คน การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ขณะที่การแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง คือ ครั้งที่ 2 นั้นเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2532 เกี่ยวกับเรื่องประธานรัฐสภา โดยแก้ไขให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำรงตำแหน่งเป็นประธานรัฐสภา
 
ตลอดช่วงเวลากว่า 10 ปี ของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถือเป็นช่วงเปลึ่ยนผ่านทางการเมืองครั้งสำคัญ และถูกระบุว่าเป็นประชาธิปไตยเพียงครึ่งใบ และเป็นยุคที่ 4 ของระบอบประชาธิปไตยไทย นับตั้งแต่เปลี่ยนระบอบการปกครองประเทศ พ.ศ.2475 กระทั่งมาผลัดใบต่อเนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหารวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งคณะรัฐประหารต้องการให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 1 ปี หลังการรัฐประหาร และแต่งตั้ง "พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์"ผู้บัญชาการทหารบก เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี 
 

 

แต่ในเวลาต่อมานายทหารกลุ่มนี้ได้เปลี่ยนไปสนับสนุน"พลเอก เปรม ตินสูลานนท์" ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิม และระหว่างนั้นยังได้มีความพยายามที่จะก่อการรัฐประหาร เพื่อล้มรัฐบาลภายใต้การนำของ "พล.อ.เปรม"ถึงสองครั้ง 

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

ครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2524 โดย "พลเอก สัณห์ จิตรปฏิมา" รองผู้บัญชาการทหารบก นำนายทหารที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 7 หรือรุ่น "ยังเติร์ก" ซึ่งขณะนั้นล้วนมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังต่างๆ อยู่ในกองทัพบก นำโดย "พันเอก มนูญ รูปขจร" ตั้งเป็นคณะผู้ก่อการที่เรียกว่า "คณะกรรมการสภาปฏิวัติ" และจับตัว "พลเอก เสริม ณ นคร" ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลโท หาญ ลีลานนท์ , พลตรี ชวลิต ยงใจยุทธ และพลตรี วิชาติ ลายถมยา ไปไว้ที่หอประชุมกองทัพบก

 

การรัฐประหารครั้งนี้ มีจำนวนกำลังทหารเข้าร่วมมากถึง 42 กองพัน ส่วนฝ่ายรัฐบาลโดย พล.อ.เปรม ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา และตั้งกองบัญชาการตอบโต้ โดยใช้อำนาจปลดผู้ก่อการออกจากตำแหน่งทางทหารและได้กำลังสนับสนุนจากพลตรี อาทิตย์ กำลังเอก รองแม่ทัพภาคที่ 2

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

   

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

ในที่สุดการก่อรัฐประหารหวังยึดอำนาจ จึงยุติลงในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 3 เมษายน และฝ่ายก่อการเข้ามอบตัวกับทางรัฐบาลรวม 155 คน ทำให้ "พล.อ.สัณห์ และ พ.อ.มนูญ" ตกเป็นกบฏ ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ และถูกเรียกว่า กบฏเมษาฮาวาย

 

และในครั้งถัดมา คือในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2528 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะรัฐประหารรัฐบาล "พล.อ.เปรม"อีกครั้ง ขณะที่อยู่ระหว่างเดินทางไปเยือนอินโดนีเซีย ส่วน "พล.อ.อาทิตย์" ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ติดการเยือนต่างประเทศอยู่ที่สวีเดน โดยฝ่ายก่อการอ้างเหตุผลที่กระทำว่า ไม่พอใจที่รัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาการว่างงาน และปัญหาอาชญากรรมได้

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

แต่สุดท้ายการรัฐประหารครั้งนี้ ก็ไม่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ทำให้กลุ่มผู้ก่อการ ที่มี "พ.อ.มนูญ"และ "นาวาโท มนัส รูปขจร" น้องชายที่อยู่เบื้องหลัง จึงตกเป็นกบฏอีกครั้ง

\

ภายหลังรัฐบาลบริหารประเทศ จนกระทั่ง "พล.อ.เปรม" ประกาศยุบสภา และกำหนดมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2531 แต่ระหว่างกำลังจะมีการเลือกตั้ง เกิดกระแสการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 ของ "พล.อ.เปรม"จากกลุ่มนักวิชาการ 

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12

 

หลังการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำ ได้เข้าพบ”พล.อ.เปรม”ที่บ้านพัก เพื่อเชิญให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 แต่ท่านได้ปฏิเสธ ต่อมาในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2531 จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง "พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ"(ยศขณะนั้น) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ขณะที่ "พล.อ.เปรม" ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็น "องคมนตรี" และยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ

 
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยผลัดใบช่วงที่ 4 EP.12
 
แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนหัวหน้าทีม แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ยังบังคับใช้เป็นเวลาค่อนข้างยาวนานถึง 12 ปีเศษ กระทั่งมาถูกยกเลิกโดยการรัฐประหารอีกครั้ง เมื่อคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช.ภายใต้การนำของ "พลเอก สุนทร คงสมพงษ์" ได้เข้าทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาลของ "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ" เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ถือเป็นการปิดฉากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2521 หรือรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 รวมระยะเวลาประกาศใช้ 12 ปี 2 เดือน 1 วัน

 

ขอบคุณภาพประวัติศาสตร์จาก Google

 

>>> ติดตามอ่านซีรี่ย์เส้นทาง 89 ปีรัฐธรรมนูญไทย บนวิบากกรรมทางการเมืองของประเทศ เมื่อไหร่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่แท้จริง และยกร่างเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ในคมชัดลึกตลอดทั้งสัปดาห์