"มาโน่" ยันชัด ทีมชาติไทยยังมีภารกิจสำคัญรออยู่แม้ตุนสกอร์เกมแรก
"มาโน่ โพลกิ้ง" หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยืนยันว่า ทีมของเขายังไม่มีความคิดที่จะผ่อนเครื่อง ในการเจอกับเวียดนามเลกสอง แม้จะชนะมาก่อนในเลกแรก 2-0
โดย การแข่งขันฟุตบอล "ชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" รอบรองชนะเลิศ นัดแรก กลุ่มเอ ระหว่าง "ทีมชาติเวียดนาม" พบกับ "ทีมชาติไทย" ที่สนามกีฬาแห่งชาติประเทศสิงคโปร์
ก่อนเป็น ทีมชาติไทย เก็บชัยชนะต่อ ทีมชาติเวียดนาม ไปด้วยสกอร์ 2-0 ได้ประตูจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์ นาที 14 และ 23 ของเกม ส่งผลให้ทีมชาติไทยตุนสกอร์นำ เทีมชาติเวียดนามในเกมแรก
ทั้งนี้ "มาโน่ โพลกิ้ง" หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์หลังเกม " มันเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับการเก็บชัยชนะมาได้ แต่งานของไทยยังไม่จบ เรายังมีจุดที่ต้องปรับปรุงและทำให้ได้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามมันสำคัญมากที่ได้ผลการแข่งขันที่ดีมาก่อน ช่วงพักครึ่งหลังจากนำ 2-0 ก็พยายามปรับทีมเพื่อแพ็คเกมแล้วเน้นสวนกลับแทนจนได้จุดโทษแต่ก็พลาดไป ไม่งั้นจะเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมากๆ " มาโน่ กล่าวเริ่ม
" ทุกคนรู้ว่าโค้ชปาร์คมีสถิติที่ดีในการเจอกับทีมในอาเซียนและเราเองก็อยากหยุดสถิตินี้ให้ได้ ทุกคนรู้ดีว่าไทยสามารถเอาชนะเวียดนามได้ แต่ก็ยังเหลืออีก 90 นาทีที่จะต้องมีสมาธิและเอาชนะให้ได้อีกหนึ่งเกม "
" เกมนัดที่สองยังเป็นแบบเดิม เรามีประตูนำอยู่ แต่ก็รู้ว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ เราจะวิเคราะห์เกมนี้ แล้วค่อยมาคิดถึงแผนการเล่นอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเล่นในแบบใด "
" แน่นอนว่าประตูแรกมันคือความโชคดีเล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือเราสามารถลงโทษเวียดนามจากจุดที่ผิดพลาดและทำให้ทีมออกนำก่อนได้ แต่ประตูที่สองต้องยกว่าเป็นการเข้าทำที่สวยงามของทีมชาติไทย "
" ผมไม่ได้เซอร์ไพรส์กับการส่งผู้เล่นของเวียดนาม เพราะรู้จักกับเหวียน วาน ตวน อยู่แล้ว คิดว่าน่าจะเอามาใช้ในเกมโต้กลับ แต่ทีมไทยก็มีข้อได้เปรียบจากการนำอยู่ 2-0 ส่วนจะเล่นอย่างไรคงต้องมาดูอีกที ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องรีบฟื้นฟูสภาพร่างกายของลูกทีม กลับมาให้ได้ภายใน 2 วัน "
" เรารู้ว่าเวียดนามเป็นทีมที่เล่นหนักอยู่แล้ว และทำได้ดีในแบบนี้มาตลอด แต่ทุกอย่างโอเคและไม่ได้หนักเกินไป มันคือฟุตบอลและไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ "
อย่างไรก็ตามโปรแกรมนัดต่อไป "ทีมชาติไทย" จะพบกับ "ทีมชาติเวียดนาม" ในรอบรองชนะเลิศของ ศึกชิงแชมป์อาเซียน โดยนัดที่ 2 จะแข่งขันในวันที่ 26 ธันวาคม 2564 เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย
CREDIT PHOTO : Twitter@ThailandNTOFFICIAL