"โมลนูพิราเวียร์" FDA สหรัฐฯ อนุมัติใช้รักษาผู้ป่วยโควิดที่อาการน้อยแล้ว
FDA สหรัฐอเมริกา อนุมัติใช้ยา "โมลนูพิราเวียร์" ของ บ.เมอร์ค เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยโควิดที่อาการเล็กน้อยแล้ว
ยา "โมลนูพิราเวียร์" อนุมัติใช้แล้ว องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศออกใบอนุญาตการใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUA) สำหรับยา "โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir)" ของบริษัทเมอร์ค (Merck) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยรุนแรง รวมถึงสามารถใช้รักษาผู้ที่ไม่สามารถใช้วิธีอื่นในการรักษาโควิด-19 อื่น ๆ ได้ ซึ่งผู้ป่วยโควิด-19 สามารถรับยา "โมลนูพิราเวียร์" ได้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น และควรรับยาโดยเร็วที่สุด หลังจากการวินิจฉัยพบโควิด-19 ภายใน 5 วันหลังจากเริ่มมีอาการ
นอกจากนี้ "โมลนูพิราเวียร์" ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 18 ปี เนื่องจากอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและกระดูกอ่อน ไม่อนุญาตสำหรับการรับประทาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหากป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับยาตัวนี้ ซึ่งยาไม่ได้ทดแทนการฉีดวัคซีน-19 ประชาชนยังควรเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนอยู่
ทั้งนี้ ยา "โมลนูพิราเวียร์" เป็นยาที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายตัว ในรูปแบบแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม 4 แคปซูล รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วัน รวมเป็น 40 แคปซูล ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้นานเกิน 5 วันติดต่อกัน ในช่วง 29 วันของการศึกษา จากกลุ่มตัวอย่าง 709 คน ที่ได้รับโมลนูพิราเวียร์ พบว่า มีอยู่ 6.8% ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตภายในช่วงเวลานี้ เทียบกับ 9.7% ของ 699 คนที่ได้รับยาหลอก
ในกลุ่มผู้ที่ได้รับ "โมลนูพิราเวียร์" พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ในช่วงติดตามผลเทียบกับ 9 รายในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก และผลข้างเคียงที่สังเกตได้ในการทดลอง ได้แก่ อาการท้องร่วง คลื่นไส้ และเวียนศีรษะ และโมลนูพิราเวียร์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เมื่อให้ยาแก่ผู้ตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ "โมลนูพิราเวียร์" ในระหว่างตั้งครรภ์ "โมลนูพิราเวียร์" ได้รับอนุญาตให้สั่งจ่ายยาให้กับหญิงตั้งครรภ์ได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ที่สั่งจ่ายยาได้พิจารณาแล้วว่าประโยชน์ของการรักษาด้วยโมลนูพิราเวียร์จะมีมากเกินความเสี่ยงต่อผู้ป่วยแต่ละราย