ข่าว

"อนาคตลาว อนาคตไทย" เชื่อมลาว เชื่อมโลกแห่งอนาคต

"อนาคตลาว อนาคตไทย" เชื่อมลาว เชื่อมโลกแห่งอนาคต

26 ธ.ค. 2564

"อนาคตลาว อนาคตไทย" ยุทธศาสตร์เชื่อมไทย เชื่อมลาว เชื่อมโลก หมุดหมายใหม่ที่เรียกว่า ”อีสาน เกตเวย์”และระเบียงเศรษฐกิจอีสาน “อลงกรณ์” ยกเหตุผลทำไหมประเทศไทยต้องจับมือกับลาวอย่างใกล้ชิด เสมือนหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ต้องพึ่งพาให้เกียรติกันและกัน

ระดับกุนซือของพรรคประชาธิปัตย์ ถ่ายทอด “อนาคตลาว อนาคตไทย” เอาไว้อย่างน่าสนใจและไม่ควรมองข้าม เมื่ออ่านข้อเขียนของ “เดอะจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร จบอาจจะทำให้คนไทยตื่นมารับรู้ความจริงอีกมุมว่า สปป.ลาว วันนี้ไปไกลแค่ไหน

 

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2564 นายอลงกรณ์ พลบุตร  รองหัวหน้าพรรคประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯอดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ อดีตส.ส.6สมัย อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว อลงกรณ์ พลบุตร ในหัวข้อ ก้าวใหม่ประเทศไทย(ตอนที่ 1) “อนาคตลาว อนาคตไทย” ใจความระบุว่า

 

เรากำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์”เชื่อมไทย เชื่อมลาว เชื่อมโลก”และการวางหมุดหมายใหม่ที่เรียกว่า”อีสาน เกตเวย์”และ”ระเบียงเศรษฐกิจอีสาน”ในช่วง2ปีที่ผ่านมาโดยกระทรวงเกษครและกระทรวงพาณิชย์ที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแล

 

ยุทธศาสตร์นี้เป็นคานงัดที่จะเปลี่ยนอนาคตของอีสานและประเทศของเรา

 

ผมจึงขอเล่าเรื่องสปป.ลาว บ้านพี่เมืองน้องของไทยที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเป็นคำตอบว่าทำไมไทยกับลาวตัองผูกอนาคตไว้ด้วยกัน

 

ล่าสุด ลาวเพิ่งเปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีนเมื่อ 2 ธันวาคมที่ผ่านมาใช้เวลาก่อสร้างเพียง5ปีโดยอยู่ระหว่างการทดสอบรถไฟโดยสารและรถขนส่งสินค้าจากหลายมณฑลของจีนมาเวียงจันทน์และคาดว่าจะมีขบวนรถไฟจากยุโรปด้วย

หลังจากผ่านการทดสอบและระบบตรวจตราผ่านแดนเสร็จเรียบร้อย เส้นทางรถไฟสายนี้จะเปิดบริการได้อย่างสมบูรณ์ภายในครึ่งแรกของปีหน้า

 

ทำให้หนองคาย กลายเป็นเกตเวย์ที่มีศักยภาพใหม่ของประเทศเชื่อมไทยเชื่อมลาวเชื่อมจีนเชื่อมเอเซียกลางเชื่อมยุโรป

 

ความจริง ลาวกำลังพัฒนาระบบโลจิสติกส์และเขตเศรษฐกิจพิเศษหลายโครงการตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้สุดโดยทุกโครงการร่วมลงทุนกับต่างประเทศเช่น จีน ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซียและเกาหลี เป็นต้น

 

ลาวต้องการเปลี่ยนข้อจำกัดเดิมจากประเทศไม่มีทางออกทะเลอยู่ในมุมอับ(Land Locked)เป็นประเทศแห่งความเชื่อมโยง(Land of Connectivity)

 

อีกโครงการที่สำคัญมากสำหรับอนาคตลาวและรวมถึงอนาคตของประเทศไทยคือ โครงการท่าเรือน้ำลึกหวุงอ๋าง

 

ลาวเร่งพัฒนาเส้นทางเชื่อมเวียงจันทน์ แขวงบอลิคำไซกับแขวงคำม่วน(ตรงข้ามจังหวัดนครพนม)ไปยังจังหวัดฮาติงห์ของเวียดนาม

 

โครงการนี้สำคัญมากๆ เป็นช่องทางสู่โลกกว้างแห่งโอกาสที่สั้นที่สุด

 

เหนืออื่นใดคือ เป็นท่าเรือน้ำลึกในแผ่นดินเวียดนามที่เสมือนลาวเป็นเจ้าของ

บริษัทรัฐวิสาหกิจพัฒนาท่าเรือหวุงอ๋าง ลาว-เวียดนาม(ลาวถือหุ้น60%เวียนาม40%) ตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2573 ท่าเรือน้ำลึกหวุงอ๋างจะสามารถให้บริการแก่เรือสินค้าที่มีน้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ 5,000 ตัน ถึง 100,000 ตัน เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ตั้งแตขนาดบรรทุก 50,000 ตู้ ถึง 1,200,000 ตู้ และเรือบรรทุกสินค้าเทกอง ตั้งแต่ขนาดบรรทุก 3 ล้านตัน ถึง 20 ล้านตัน

 

ทั้งนี้จะเปิดให้บริการเฟสแรกในปี 2566 หรือภายใน2ปีข้างหน้า

 

นครพนมจะเป็นเกตเวย์ใหม่ออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกโดยใช้บริการท่าเรือน้ำลึกหวุงอ๋างด้วยระยะทางไม่ถึง300กิโลเมตร

\"อนาคตลาว อนาคตไทย\" เชื่อมลาว เชื่อมโลกแห่งอนาคต

ท่าเรือดังกล่าวเมื่อพัฒนาเต็มรูปแบบจะสามารถขนส่งสินค้าจากไทย ลาวและเวียดนามไปอเมริกา แคนาดา ลาตินอเมริกา จีน ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน รัสเซียและยุโรปเหนือ โดยไม่ต้องผ่านสิงคโปร์

 

ลาวไม่ได้พัฒนาระบบคมนาคมเท่านั้นแต่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษควบคู่ไปด้วย เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในแขวงบ่อแก้วทางภาคเหนือใกล้กับฝั่งเชียงรายของเรา หรือ เขตเศรษฐกิจพิเศษมหานทีสีทันดอน ในแขวงจำปาสักตรงข้ามจังหวัดอุบลราชธานีขนาดของวงเงินลงทุน เขตเศรษฐกิจใหม่สีทันดอนตั้งเป้าใช้เงินลงทุน 9,000ล้านดอลลาร์และใช้พื้นที่ 6 หมื่นไร่มากกว่าโครงการทางรถไฟลาว-จีน ที่ลงทุน 6,800 ล้านดอลลาร์ ใช้พื้นที่ 19,112ไร่

 

ยังไม่รวมเขตเศรษฐกิจพิเศษ-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา และเขตเศรษฐกิจพิเศษเวียงจันทน์

\"อนาคตลาว อนาคตไทย\" เชื่อมลาว เชื่อมโลกแห่งอนาคต

แม้จะเผชิญกับผลกระทบโควิด19มีอุปสรรคนานัปการอาจช้าลงบ้าง แต่ลาวไม่ท้อไม่ถอยครับ ยังเดินหน้าสานฝันต่อไม่ยอมหยุด ตามไล่เป้าหมายของประเทศอย่างมุ่งมั่น

 

ประเทศไทยของเราต้องจับมือกับลาวอย่างใกล้ชิดเสมือนหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์พึ่งพาร่วมแรงร่วมใจแบบพี่น้องเครือญาติ เคารพและให้เกียรติกันและกัน

ลาวและไทยสามารถผนึกศักยภาพของ2ประเทศเข้าด้วยกัน

 

นี่คือคำตอบของยุทธศาสตร์ใหม่และการสร้างจุดเปลี่ยนประเทศด้วย ”อีสาน เกตเวย์”และ”ระเบียงเศรษฐกิจอีสาน”ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ1กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรม

 

อีสาน 20 จังหวัดและประชากร22ล้านคนอยู่ในมุมอับเป็นดินแดนไม่มีทางออกทะเลเหมือนลาวในอดีต ทำให้โอกาสของอีสานอับไปด้วย จึงต้องวางวิสัยทัศน์และเส้นทางการพัฒนาใหม่สำหรับอีสานและประเทศไทย

 

ปี2562ก่อนเกิดโควิด19 เราเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับ11ของโลกและอันดับ2ของเอเซียรองจากจีนแสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะครัวโลก

 

เส้นทางใหม่ๆคือโอกาสในการขนส่งสินค้าเพื่อเพิ่มการส่งออกสร้างรายได้ให้ประเทศพร้อมกับพัฒนาฐานการแปรรูปสร้างเกษตรมูลค่าสูงกระจายไปทุกภูมิภาคด้วยการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์และระเบียงเศรษฐกิจกับเพื่อนบ้านของเรา

 

สุดท้ายคือ การบริหารการพัฒนาด้วยโมเดลใหม่ๆให้ฉับไวรวดเร็วครับ

CR: อลงกรณ์ พลบุตร