ข่าว

"เอ็ม บุษราคัม" แจ้งความส่งท้ายปี เจอมือดีสวมรอยบัตรประชาชนหลอกออนไลน์

"เอ็ม บุษราคัม" แจ้งความส่งท้ายปี เจอมือดีสวมรอยบัตรประชาชนหลอกออนไลน์

30 ธ.ค. 2564

เอ็ม บุษราคัม ลูกสาวตลกดัง หม่ำ จ๊กมก เข้าแจ้งความกับ บก.ปอท.ถูกมิจฉาชีพตัดต่อภาพไปปลอมบัตรประชาชน หลอกซื้อขายและลงทุนออนไลน์ ความเสียหายเพียบ

เช้าวันนี้ น.ส.บุษราคัม หรือ เอ็ม วงษ์คำเหลา ลูกสาวนักแสดงตลกชื่อดัง หม่ำ จ๊กมก ได้เดินทางพร้อมผู้จัดการ มายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท.กรณี เนื่องจากถูกมิจฉาชีพนำภาพไปตัดต่อบัตรประชาชน แล้วไปใช้หลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีผู้หลงโอนเงินแล้วหลายล้านบาท

น.ส.บุษราคัม เปิดเผยว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีคนเข้ามาทางไลน์ที่ตนเองขายของ ว่าพบรูปในเพจหนึ่ง ใช่ตนเองจริงหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเป็นเพียงที่ว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จะไม่โอนเงิน จึงตอบไปว่าไม่ใช่ แล้วไม่ได้ติดตามอะไรต่อ

สำหรับต้นเรื่องคือรูปที่ตนเองลงในอินสตาแกรม (IG) เปรียบเทียบที่ไปถ่ายบัตรประชาชน 5 ปีที่แล้ว และ 5 ปีถัดมา ซึ่งคนร้ายนำไปตัดต่อรูปกับบัตรประชาชนอีกใบ ปลอมแปลงชื่อ ที่อยู่ บัญชีธนาคาร แล้วนำไปหลอกลวงผู้อื่น จนเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา มีคนส่งข้อความมาอีก และวันนั้นเพียงวันเดียวมีคนส่งข้อความมาจำนวนมาก ว่าตนเองกำลังถูกตามล่าตัว เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายคน

น.ส.บุษราคัม กล่าวต่อไปว่า ความเสียหายมีหลายเพจ บางคนถูกหลอกให้โอนเงิน 3-5 หมื่น จากความเชื่อใจที่ส่งรูปบัตรประชาชนไปให้ดู ซึ่งใช้รูปหน้าตนเอง และมีการเปลี่ยนชื่อไม่ต่ำกว่า 2 ชื่อ ทั้งนี้ความเสียหายรวมกันน่าจะเป็นล้าน ซึ่งการหลอกมีหลายรูปแบบ มีน้องอายุไม่ถึง 20 ปี ใช้เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตโอนให้มิจฉาชีพที่หลอกว่าจะพาเข้าเครือข่ายธุรกิจ และด้วยความที่ยังเด็ก ไม่รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร เมื่อไปแจ้งความก็ไม่รับแจ้งความ 

จำนวนผู้เสียหายที่ตนเองติดต่อได้คือ 4-5 คน แต่เชื่อว่ามีมากกว่านี้ เพราะมีการตั้งเพจตามล่าคนโกง ส่วนหลักฐานที่รวบรวมได้เป็นแชทไลน์ที่คุยกันผู้เสียหาย ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อภาพลักษณ์ของตนเองที่กลายเป็นคนโกง รวมถึงความปลอดภัยของตนเองจากผู้คนที่โกรธแค้นที่อาจเข้ามาทำร้าย จนเรื่องอาจบานปลายออกไป

  

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ ปอท. ระบุว่า กรณีนี้เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งอยากฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่าบัตรประชาชนของตนเองไปเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย และกรณีซื้อขายออนไลน์ที่นำบัตรประชาชนมาวางคู่สินค้า ก็อาจมีการตัดต่อเช่นนี้ ต้องตรวจสอบให้ดี
ทางที่ดีการซื้อขายควรมีหน้าร้าน มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อไป ไม่ใช่ติดต่อเพียงการแชท

สำหรับคดีนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งเรียกผู้เสียหายมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งคดีนี้ไม่น่าจะยาก เพราะมีชื่อบัญชีปลายทาง แต่ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพรายเก่าหรือไม่ แต่ด้วยพฤติกรรมแบบนี้น่าจะมีข้อมูลอยู่