ผู้ว่ากกท. เชียร์"ทีมชาติไทย" ซิวแชมป์ซูซูกิคัพ คืนความสุขคนในชาติ
ผู้ว่ากกท. ร่วมชูมือขวา เชียร์ "ทีมชาติไทย" จบผลงานในทัวร์นาเมนต์ เอเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 ด้วยการคว้าแชมป์ นำถ้วยกลับประเทศไทย เป็นของขวัญเพื่อคืนความสุขให้กับคนไทย และให้เป็นมินิตรหมายที่ดี ของการเริ่มต้นที่วงการกีฬา จะขับเคลื่อนในการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท. ) ให้สัมภาษณ์กับ "คมชัดลึก" ว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับ"ทีมชาติไทย" ในการลงแข่งขันนัดที่สอง ของฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟซูซููกิคัพ 2020 แข่งขันที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันนี้ ( เสาร์ที่ 1 มกราคม ) ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย โดยขอเอาใจช่วยให้ทีมชาติไทย ประสบความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ กลับสู่ประเทศไทย
"ทีมชาติไทย" อยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบเหนือ ทีมชาติอินโดนีเซีย โดยการแข่งขันนัดแรก ของรอบชิงชนะเลิศ วันพุธที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ทำผลงานเอาชนะ อินโดนีเซีย 4-0 ด้วยจำนวนประตู ดังกล่าว ทำให้ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ โดยขอเพียงแค่เสมอ ก็สามารถจบผลงาน เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ ด้วยการเป็นแชมป์สมัยที่ 6 มากที่สุดใ นบรรดาชาติอาเซียน จากการเป็นแชมป์ นับจากปี 1996 , 2000, 2002 , 2014 , 2016 , จนมาถึง 2020
ผู้ว่ากกท. กล่าวว่า ความสำเร็จของทีมชาติไทย ในการคว้าแชมป์ฟุตบอลอาเซียน ขอชื่นชมไปยัง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ผู้เกี่ยวข้องทุกคน รวมไปถึง นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย และ นักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่มุ่งมั่นในการทำหน้าที่ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
" ผมต้องการให้การคว้าแชมป์ครั้งนี้ ของฟุตบอลทีมชาติไทย คือการเริ่มต้นที่ดีของวงการกีฬาไทย ในการร่วมขับเคลื่อนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ นับจากกลางปีที่ผ่านวงการกีฬาไทย โดยเด่นมากกับการสร้างผลงานในเวทีระดับสากล นับตั้งแต่ โอลิมปิก จนมาถึงกีฬาอาชีพ ทั้งกอล์ฟ แบดมินตัน จนล่าสุด ที่เรากำลังจะได้แชมป์จาก ซูซูกิคัพ อยากให้ความสำเร็จ จากการทำผลงาน เป็นเหมือนของขวัญ ที่เติมความสุขให้กับคนไทย เป็นการเริ่มต้นที่ดีให้กับวงการกีฬา ตลอดทั้งปี " ดร. ก้องศักด ระบุ
ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลเอเอฟเอฟซูซูกิคัพ วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พบกับทีมชาติอินโดนีเซีย โดยไทย ทำผลงานนัดแรก ด้วยการชนะอินโดนีเซีย 4-0
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท. )
ขอขอบคุณภาพจากเพจ "ช้างศึก" และ กองประชาสัมพันธ์การกีฬาแห่งประเทศไทย