"เอสเธอร์" ร้อง "ตร.PCT" โดนหลอกจ้างเป็น "พรีเซนเตอร์" แอปฯตุ๋นคนลงทุน | คมชัดลึก

7 ม.ค.2565 จากกรณีสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ ได้มีการนำเสนอข่าว ของ น.ส.เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา  หรือ เอสเธอร์ ดารานักแสดงหญิงชื่อดัง มีออกมาโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อชี้แจงกรณีได้รับการว่าจ้างให้เป็นพรีเซนเตอร์ของแอปพลิเคชัน Spell ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันขายสินค้าในราคาถูก โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นหุ้นส่วนของ บริษัทซึ่งเป็นผู้จัดทำแอปพลิเคชันดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมทั้งยังได้ชี้แจงอีกว่าบัญชีของครอบครัวของตนเองนั้นก็ถูกปิดการใช้งานเช่นกัน

นอกจากนี้ ดาราสาวยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับส่วนตัวนั้น มีความรู้สึกถึงความผิดปกติในการดำเนินงานของทางบริษัทฯ เหมือนกัน ประกอบกับในช่วงระยะหลังมานี้ มีประชาชนจำนวนมากที่หลงตกเป็นเหยื่อในการกระทำความผิดของบริษัทฯ จนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งโดยส่วนตัวก็ติดต่อกลับไปยังผู้บริหารของทางบริษัทผู้ว่าจ้างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ซึ่งในเบื้องต้น น.ส.เอสเธอร์ ได้ดำเนินการยกเลิกสัญญาในฐานะพรีเซนเตอร์ของแอปพลิเคชั่นดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าที่จะดำเนินการทางคดีในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

โดยล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา พร้อมด้วยนายภูภูมิ พงศ์ภาณุภาคหรือ เคน ภูภูมิ นักแสดงชายเพื่อนสนิท ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ช่วยติดตามกลุ่มผู้กระทำความผิดที่ได้หลอกลวงว่าจ้างให้มาเป็นพรีเซนเตอร์ ณ ที่ทำการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT)  ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ  นุชนารถ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่ 1 เป็นผู้แทน ในการรับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้ 

สำหรับ แอปพลิเคชัน Spell ซึ่งมีการทำงานผ่านเว็บไซด์ www.firshop.com คือ แอปพลิเคชันขายสินค้าที่มีราคาขายต่ำกว่าท้องตลาดถึง 30-80%   แต่มีข้อกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าหาสมาชิกที่ต้องการลงทุน ซึ่งเรียกว่าการหั่นราคา สมัครและโอนเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ โดยอ้างว่าสมาชิกที่ลงเงินหั่นราคา เท่าราคาสินค้าของผู้ซื้อ คือ ผู้ลงทุน และจะได้เงินต้นดังกล่าวคืนพร้อมปันผล 10-20% เมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบบกำหนด

โดยในระยะแรกมีการดำเนินการและแบ่งปันผลได้จริงเพื่อเพิ่มความน่าเขื่อถือ  ซึ่งวิธีการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ดังกล่าว เป็นเพียงการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นอุบายในการชักชวนให้หาสมาชิกเพิ่มเพื่อให้มีจำนวนเงินเข้าระบบมากขึ้น  จากนั้นจะนำเงินจากสมาชิกลูกข่าย มาจ่ายปันผลให้กับสมาชิกต้นทาง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการประกอบการธุรกิจที่มีผลกำไรอยู่จริง  ซึ่งมีรูปแบบแผนคล้ายกับระบบแชร์ลูกโซ่ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา อีกทั้งมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจหลงกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงกลุ่มดารา นักแสดง ที่อาจหลงกลตกเป็นเครื่องมือของการกระทำความผิด จึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ให้โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจต่างๆ ควรมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การลงทุน หวังผลกำไรระยะสั้น  

หากท่านใดมีข้อร้องเรียนหรือต้องการแจ้งความร้องทุกข์ สามารถติดต่อ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศูนย์ PCT)  สายด่วน 1599  ตลอด 24 ชม. หรือ สายตรง 081 866 3000 เฉพาะเวลาราชการ