"มาดามเดียร์" และ "ท็อป บิทคับ" ถามภาษีคริปโต" นี้เพื่อใคร ล้าหลังไปไหม?
กระแสตอบรับจาก "มาดามเดียร์" และ "ท็อป บิทคับ" จากที่กรมสรรพากรได้ออกมาประกาศถึงประเด็นการจัดเก็บ "ภาษีคริปโตเคอร์เรนซี่" อ้างอิงพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
จากกรณีที่กรมสรรพากรได้ออกมาชี้แจ้งถึงการจัดเก็บภาษีในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) อ้างอิง พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งระบุรายละเอียดในเนื้อหาว่า
"สินทรัพย์ดิจิทัลหากมีกำไรหรือมีผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย ร้อยละ 15 ของกำไร และบุคคลที่มีเงินได้จากการซื้อขายคริปโตฯ จะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา"
ประกาศดังกล่าวได้ทำให้เกิดกระแสวิพากย์วิจารย์เป็นวงกว้างในภาคประชาสังคมตั้งแต่นักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุนรายย่อย ไปจนถึงประธานกรรมการบริหารบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี "บล็อกเชน" Blockchain อันเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเครือข่ายของกิจกรรมการลงทุนที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยทางทีมคมชัดลึกออนไลน์ได้หยิบยกมุมมองและกระแสตอบรับที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์จาก มาดามเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี สมาชิกสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ คุณท๊อป จุรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานกรรมการบริหารบริษัทบิทคับ (Bitkub ) ถึงคำชี้แจ้งที่เกิดขึ้นมาไว้ในที่นี้
ด้านมาดามเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ได้ออกมาตั้งคำถามผ่านเฟสบุ๊กว่าการจัดเก็บภาษีเช่นนี้ เป็นการช่วยหรือผลักนักลงทุนออกนอกประเทศเนื่องจากเกิดความกังวลถึงเป็นเป็นลูกโซ่ เงินทุนไหลออกนอกประเทศจนตลาดทุนไทยขาดสภาพคล่องทางกการเงิน บางส่วนของโพสท์ระบุว่า
"แท้จริงแล้วเป็นการสร้างโอกาสในการเก็บรายได้เข้าแผ่นดิน หรือเป็นการตัดโอกาสของรัฐและบริษัทแพลตฟอร์มที่เป็นสัญชาติไทยโดยการไล่ให้ผู้ลงทุนไปลงทุนผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทต่างชาติแทน"
เนื่องจากได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่จะตามมา ตามที่ได้กล่าวไว้ว่า
"กระทบเป็นลูกโซ่ตามมาโดยยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ก็คือ การเทขายหุ้นของนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างชาติ เพราะสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทยไม่สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้อีกต่อไป นั่นหมายถึง มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดทุนไทยจะหดตัวลงในทันที"
อ่านต่อ: https://www.facebook.com/100044178982009/posts/477885970360698/?d=n
ทางด้านของคุณท๊อป จุรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานกรรมการบริหารบริษัทบิทคับก็ได้ออกมากล่าวถึงมาตรการที่เกิดขึ้นผ่านการอัดวีดีโอลงเฟสบุ๊กเพจท๊อป จิรายุส - Topp Jirayut โดยมีใจความว่า การจัดเก็บ "ภาษีคริปโตเคอร์เรนซี่" Cryptocurrency เช่นนี้อาจเป็นสิ่งที่กำลังรั้งประเทศไทยไม่ได้ก้าวได้ทันโลกเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นเหมือนการนำ "กฎหมายรถม้า มาครอบรถยนต์" หรือการที่นโยบายดังกล่าวไม่ได้เอื้อต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไปซึ่งเป็นการลดโอกาสการเติบโตของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลของคนไทย และลดโอกาสการเข้าถึงเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อยชาวไทยอย่างเห็นได้ชัด
ฟังลิงค์คุณท๊อปจุรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ได้ตามลิงค์นี้ :
https://www.facebook.com/toppjirayutofficial/videos/5045488995485567/?__cft__[0]=AZUVykQr3zDfbhejnQ-9T2r4RUGKH RsiS6s Yoyp28oJIy5texpaNNmfmKKb7pLj-yPzew6cBwvpG-FzCFVO hf wg2Kqu5vKmCEwv8lXfGJ4aLw_9d1IkVRsb6xYAHaTwS5rR46QQ6jJJmkop2SgTrYWoh441OMAt_6UqyANC51LffpqANGm3QM-B4 QJve6VFddlE&__tn__=%2B%3FFH-R