ข่าว

หัวหน้าพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้​แถลง การเจรจา BRN คืบหน้า

หัวหน้าพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้​แถลง การเจรจา BRN คืบหน้า

15 ม.ค. 2565

ทีมพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนภาคใต้ แถลง การพูดคุยกลุ่ม​ BRN​ คืบหน้า ภายในปีนี้จะมองเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น​ โดยเฉพาะ​การลดความรุนแรง

วันนี้ (15) คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้​ นำโดย ​พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ​ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข​ฯ​ พร้อมด้วย​ พล.ท.เกรียงไกร​ ศรีรักษ์​ แม่ทัพภาคที่​ 4 , พล.ท.ธิรา แดหวา​ แม่ทัพน้อยที่​ 4​ , พล.ท.สวัสดิ์​ ชนะจิตราสกุล​ , นายฉัตรชัย​ บางชวด​ รองเลขาธิการ​ สมช.​ , พล.ต.ต.มณฑล​ บัวจีบ​ ,นายพลเทพ​ ธนโกเศศ​ และ​นางสาววันรพี  ขาวสะอาด​ ร่วมกันแถลงข่าว ณ โรงแรม เลอเมอริเดียน ภูเก็ตบีชรีสอร์ท ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

สรุปผลความคืบหน้า​การพูดคุยเพื่อสันติสุข ​หลังจากร่วมประชุมหารือกับคณะผู้แทน กลุ่มแนวร่วม​ปฏิวัติแห่งชาติ​ หรือ​ BRN​  ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย​ ระหว่างวันที่​ 11-12 มกราคม​ 2565 ซึ่งการพูดคุยคืบหน้า​ทั้ง​ 2 ฝ่าย และได้ร่วมกำหนดสารัตถะ​ 3 ข้อ​ คาดว่าปีนี้จะ​เห็นผลคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม​

หัวหน้าพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้​แถลง การเจรจา BRN คืบหน้า

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ​ ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้​ กล่าวว่า ผลการพูดคุยเมื่อวันที่​ 11 และ ​12 มกราคม​ ที่ผ่านมา​ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทางคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฝั่งไทย​และคณะผู้แทน BRN นำโดย อุสตาส อานัส อับดุลเราะห์มาน ​และคณะ​ โดยมี นายตันซรี อับดุล ราฮิม บิน โมฮัมหมัด นอร์ เป็นผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุย​ และมีผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์อีก 2 คน​ บรรยากาศเป็นไปด้วยดีทั้ง​ 2 ฝ่าย​ มีท่าที​ที่มีมิตรไมตรีต่อกัน

ทั้งนี้จากสถานการณ์โควิด ทำให้การเดินทางไปประชุมพูดคุยพบปะไม่สามารถดำเนินการ​ได้​ ทำให้การพูดคุยชะลอไป​ แต่ทั้งสองฝ่ายได้พยายามสานต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขผ่านทั้งทางออนไลน์​ และช่องทางต่าง ๆ​ เพื่อให้การพูดคุยมีความคืบหน้าและ​ต่อเนื่อง​ จนนำไปสู่การผลักดันให้เกิดการประชุมแบบ​ Face to Face ที่ประเทศมาเลเซีย

โดยผลการหารือ​มีข้อสรุปใน​  3 ประเด็นหลัก​ ดังนี้​ ประเด็นแรก​คือ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยหารือ​และเห็นพ้องกันในหลักการทั่วไป ภายใต้กรอบ​สารัตถะ 3 เรื่อง​ คือ​
     1. การลดความรุนแรง                     
     2. การปรึกษาหารือของประชาชนในพื้นที่
     3. การแสวงหาทางออกทางการเมือง

ซึ่งทั้ง​ 3 เรื่องเป็นไปตามเจตนารมณ์และความต้องการของประชาชนในพื้นที่​ และครอบคลุมทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้​ นั่นคือ​การอยากเห็นความสงบสุขในพื้นที่​ การใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข​ การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน​ และอยากเห็นรัฐบาลแก้ไขปัญหาที่รากเหง้า​ อันจะนำไปสู่การสร้างสันติสุขอย่างถาวร​ยั่งยืนต่อไป​

หัวหน้าพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้​แถลง การเจรจา BRN คืบหน้า

ประเด็นที่​ 2 การจัดตั้งกลไก​เพื่อขับเคลื่อนสารัตถะของการพูดคุย ​ โดยมีการพิจารณาจัดตั้ง​ ผู้ประสานงาน​ Joint​ working group ขึ้นมาในแต่ละประเด็น​ โดยเฉพาะ​ประเด็นการลดความรุนแรงและการเข้ามาปรึกษาหารือในพื้นที่​ ส่วนประเด็นการแสวงหาทางออกทางการเมือง​  ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนและละเอียดค่อนข้างมาก​ จะใช้การจัดตั้ง​ Joint​ study​ group​ เพื่อศึกษาในรายละเอียดหาแนวทางที่เหมาะสม

ทั้งนี้​การจัดตั้งดังกล่าวจะมีลักษณะแบบกึ่งทางการ​ ที่สามารถพบปะหารือติดต่อพูดคุย​กันได้โดยตรง​ เพื่อกำจัดจุดอ่อนในช่วงที่เกิดโควิด-19 ระบาด ที่ทำการประชุมอย่างเป็นทางการทำได้ค่อนข้างยาก​ การจัดตั้งลักษณะนี้ก็จะช่วยผลักดันให้ประเด็นสารัตถะต่าง ๆ​ คืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

ประเด็นที่​ 3 ซึ่งเป็นประเด็นที่คณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยหยิบยกขึ้นมา คือ​การลดกิจกรรมความรุนแรงลง​ของทั้ง​ 2 ฝ่าย​ โดยความสมัครใจ​ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุยครั้งต่อไป​ รวมทั้งต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักถึงประโยชน์ของการพูดคุย ที่จะก่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นในพื้น​ที่​ โดยคณะพูดคุยฝั่งไทยและกองทัพภาคที่​ 4 ได้เตรียมการเรื่องดังกล่าวไว้บางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม​ การพูดคุยครั้งต่อไปจะมีการหารือในที่ประชุมว่า จะมีการพูดคุย​กัน 2-3 เดือนต่อครั้ง​ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ​สถานการณ์โควิดด้วย

พล.อ.วัลลภ​ กล่าวทิ้งท้าย​โดยยืนยันว่า​ คณะพูดคุย​มุ่งมั่น​ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล​ ในการขับเคลื่อนผลักดันให้กระบวนการพูดคุยเป็นหนทางที่สามารถสร้างสันติสุขในพื้นที่​ได้อย่างยั่งยืน​ พร้อมคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน​ ทั้งฝ่ายผู้เห็นต่างทุกกลุ่ม​ ไม่เฉพาะแต่กลุ่ม​ขบวนการ​  BRN​ รวมถึงภาคประชาชน​ เพื่อมาแสวงหาทางออกร่วมกันต่อไป​

โดยตลอด 2 ปีที่มีการพูดคุยกับ​กลุ่ม​ BRN​ จากช่วงแรกที่มีความไม่วางใจกัน จนถึงขณะนี้​เริ่มมีความเชื่อมั่นกันพอสมควร​ ผลจากการพูดคุยครั้งนี้ ถือว่ามีความก้าวหน้าที่ดีมาก​ นำมาสู่การกำหนดหัวข้อประเด็นสารัตถะกันได้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กระบวนการพูดคุยดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น​​ โดย 1 ปีหลังจากนี้​ จะมองเห็นรูปธรรมมากขึ้น​ โดยเฉพาะ​การลดความรุนแรง และการเข้ามาปรึกษาหารือในพื้นที่ หลังจากนี้​ คณะพูดคุยจะต้องเร่งสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ให้รับทราบ​ คาดว่าภายใน​ 2 ปี​นี้จะเห็นความคืบหน้าในการพูดคุยเรื่องการแสวงหาทางออกทางการเมืองได้ต่อไป