ส่อง นโยบายการศึกษาต่างชาติ "ลดช่องว่างการเรียนรู้" ช่วงโควิด
ส่อง นโยบายการศึกษาต่างชาติ "ลดช่องว่างการเรียนรู้" ช่วงโควิด วาระสำคัญที่ต้องเร่งแก้ เพื่อเตรียมเด็กให้พร้อมกลับเข้าสู่โรงเรียนเพื่อ “เรียนออนไซต์”
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่กินระยะเวลายาวนาน ทำให้โรงเรียนไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ต้องปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้วยการเปลี่ยนมาใช้วิธีการสอนทางไกล เด็กๆ เรียนหนังสือจากที่บ้าน ยิ่งทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำชัดเจนขึ้น ทำอย่างไรจะ "ลดช่องว่างการเรียนรู้" ได้
มีเด็กนักเรียนจำนวนมาก เข้าไม่ถึงการ “เรียนออนไลน์” ด้วยข้อจำกัดต่างๆ เช่น อุปกรณ์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนอยากจนพิเศษ หรือ เด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล
เมื่อไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่เหมือนกับการเรียนในห้องเรียน จึงส่งผลให้การเรียนรู้ของเด็กๆ ขาดช่วงและหยุดชะงัก ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gap) หรือภาวะถดถอยทางการเรียนรู้(Learning Loss)ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเด็กๆ ให้กลับมาเรียนอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็วที่สุด
ผลวิจัยจากคณะการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ให้เห็นว่า เด็กชั้นอนุบาล3ในจังหวัดที่มีการระบาดของโควิด-19จนทำให้ต้องปิดโรงเรียนเป็นระยะเวลานานถึง1เดือนเต็ม มีระดับคะแนนความพร้อมของเด็กปฐมวัย (School Readiness) ที่ต่ำกว่ากลุ่มที่สามารถไปเรียนได้ตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
กล่าวคือ ด้านภาษา ลดลง0.39ปี ด้านคณิตศาสตร์ ลดลง0.32ปี และด้านสติปัญญา ลดลง0.38ปี เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าการปิดเรียนส่งผลให้ระดับความพร้อมของเด็กปฐมวัยลดลง
ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค รักษาการรองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่าปัญหาช่องว่างการเรียนรู้ไม่ได้พบแค่ในประเทศไทย แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับระบบการศึกษาทั่วโลก โดยแต่ละประเทศต่างมีแนวทางรับมือและนโยบายระดับชาติในการแก้ไขปัญหา เพื่อลดช่องว่างการเรียนรู้ที่แตกต่างกันออกไป เนื่องด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งรายได้ งบประมาณของประเทศ ดัง4ประเทศตัวอย่างในรายละเอียดต่อไปนี้
อังกฤษ-จ้างเมนเทอร์ติวเข้มเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล กับNational Tutoring Programme
หนึ่งในตัวอย่างของประเทศที่มีรายได้สูง รัฐบาลของอังกฤษได้จัดตั้งกองทุนที่มีงบประมาณ1พันล้านปอนด์ ภายใต้ชื่อ “Educational Catch-Up Initiatives” เพื่อให้โรงเรียนได้นำไปใช้ช่วยเหลือนักเรียนให้สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ โดยโรงเรียนต้องมีแผนการทำงานและกิจกรรมที่เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม และสนับสนุนให้โรงเรียนร่วมโครงการจ้างติวเตอร์พิเศษเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบปัญหาช่องว่างการเรียนรู้ ให้สามารถเรียนได้ทันเพื่อน มีการจัดIn-House Mentorให้กับกลุ่มนักเรียนด้อยโอกาสที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งผู้ที่จะมาเป็นMentorจะต้องผ่านการอบรมเป็นการเฉพาะ
เวลส์-รับสมัครครูเพิ่ม เพราะ “ครู” คือ เครื่องมือสำคัญในการลดช่องว่าง
แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็ให้ความสำคัญอย่างมากกับปัญหาการศึกษาในประเทศช่วงโควิด-19ด้วยการจัดสรรทรัพยากรครูประจำการและครูที่กำลังเข้ามาใหม่ โดยปี พ.ศ.2563 - 2564ที่ผ่านมาเวลส์ได้กำหนดนโยบายการรับสมัครครูเพิ่มขึ้นจำนวน600คน และผู้ช่วยสอนจำนวน300คน เพื่อรองรับการช่วยเหลือนักเรียนในการฟื้นฟูทักษะการเรียนรู้ให้สามารถกลับมาเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มนักเรียนด้อยโอกาสและเปราะบางในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนที่กำลังอยู่ในช่วงสอบจบการศึกษาในปีนี้
อินเดีย-สอนให้ตรงกับเวลาของเด็ก
อินเดียเป็นอีกประเทศที่สถานการณ์ของโควิด-19กระทบต่อระบบการศึกษาอย่างร้ายแรง เด็กนักเรียนหลายล้านคนทั่วประเทศไม่ได้เรียนหนังสือต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน แม้จะเป็นประเทศที่มีงบประมาณไม่มาก แต่ก็มีแนวทางลดช่องว่างการเรียนรู้ที่น่าสนใจ คือ โครงการTeaching at the right level(TaRL) หรือ การสอนให้ตรงกับระดับ โดยองค์กรเอ็นจีโอPrathamซึ่งเป็นโครงการที่มีมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19และมีชื่อเสียงจนงานศึกษาวิจัยที่ติดตามโครงการได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี พ.ศ.2562ในยุคของโควิด-19ยิ่งสามารถนำมาปรับใช้แก้ปัญหาภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี โดยครูที่เป็นอาสาสมัครของโครงการ ซึ่งอยู่ประจำตามหมู่บ้านต่างๆ จะประเมินผลเด็กในกลุ่มยากจน และมีปัญหาการเรียน ในหมู่บ้านทั่วประเทศว่ามีทักษะด้านการอ่านและทักษะด้านคณิตศาสตร์อยู่ในระดับไหน และใช้เครื่องมือในการฟื้นฟูการเรียนรู้เพื่อให้เด็กสามารถพัฒนากลับมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น สามารถเรียนได้ทันคนอื่นๆ
บังกลาเทศ-กลไกการสื่อสารกับการเรียนรู้
องค์กรเอ็นจีโอ BRACในบังกลาเทศ ได้จัดทำระบบสื่อสารที่เรียกว่าPashe Achhi (อยู่ข้างคุณ)เพื่อสนับสนุนดูแลสุขภาพจิตของผู้ดูแลเด็กเล็ก ด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้ดูแลหรือพ่อแม่ของเด็กทั่วประเทศทุกๆ สัปดาห์ เพื่อสำรวจและให้กำลังใจ รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านการเรียนรู้ของเด็ก มีครูจัดการเรียนการสอนผ่านทางโทรศัพท์ ในวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาบังคลาเทศ ต่อกลุ่มนักเรียน3-4คน โดยมีพ่อแม่ฟังด้วย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรPlayful Learningโดยจัดอาสาสมัครเพื่อทำกิจกรรมPlay-Based Learningให้กับเด็กกลุ่มอายุต่างๆ มีไฟล์เสียงคู่มือการทำงาน วิธีการพูด และการสื่อสารเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางร่างกาย สติปัญญา ภาษา ทักษะอารมณ์สังคมแก่เด็ก
สำหรับประเทศไทยมีตัวอย่างเครื่องมือลดช่องว่างการเรียนรู้ที่โรงเรียนหลายแห่งได้นำไปปรับใช้และเห็นผลสำเร็จ คือนวัตกรรมLearning Box หรือ ชุดกล่องการเรียนรู้ ที่ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อช่วยสร้างการเรียนรู้นอกห้องเรียน ลดข้อจำกัดด้านอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต
โดยเฉพาะกลุ่มเด็กพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์ได้ ครูต้องปรับตัวและพัฒนาการออกแบบการเรียนรู้ตามพื้นที่และบริบท เพื่อช่วยให้เด็กๆ สามารถสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเองได้และสามารถปิดช่องว่างทางการเรียนรู้ได้ในที่สุด เพื่อรองรับการเปิด “เรียนออนไซต์”เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ ตลอดจนตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่21หรือ บิ๊กร็อคที่2ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้กำหนดกรอบนโยบายไว้เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้เข้มแข็งอีกครั้งหลังวิกฤตโควิด-19