ประชุม "เมล็ดพันธุ์พืช" แห่งเอเชีย-แปซิฟิคปลายปี 65- 54 ปท.ทั่วโลกมาร่วมแจม
สมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิค ผนึกสมาคมการค้า"เมล็ดพันธุ์" เตรียมจัดใหญ่ประชุมเมล็ดพันธุ์พืชแห่งเอเชียและแปซิฟิค ปลายปี 2565 ดึงกว่าบริษัทค้าเมล็ดพันธุ์กว่า 500 บริษัทจาก 54 ประเทศทั่วโลกมาร่วมแจม
วันที่ 20 ม.ค. 65 ที่ห้องโลตัสสวีท ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์แอท เซ็นทรัลเวิลด์ สมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิค (APSA= แอปซ่า)และสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย (THASTA=ทาสต้า) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ MOU เพื่อประกาศความร่วมมือในการเป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานประชุมเมล็ดพันธุ์พืชแห่งเอเชียและแปซิฟิค ประจำปี พ.ศ. 2565
และเพื่อเป็นการเตรียมต้อนรับภาคธุรกิจ "เมล็ดพันธุ์" จากทั่วทุกมุมโลกที่มีฐานสมาชิกขององค์กรกว่า 500 สมาชิก ครอบคลุม 54 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยโดยมีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช.ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในครั้งนี้ด้วย
ดร. บุญญานาถ นาถวงษ์ นายกสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย กล่าวว่านับเป็นก้าวแรกสู่การเตรียมงานที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ซึ่งการประชุมธุรกิจ "เมล็ดพันธุ์" นี้ถือเป็นการจัดประชุมครั้งที่ 7 ในประเทศไทยซึ่งถือเป็น “บ้าน” ที่ก่อกำเนิดการประชุมธุรกิจเมล็ดพันธุ์ของสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิค
โดยการประชุมนี้จัดขึ้นเฉพาะสมาชิกของสมาคมสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิคในงานประกอบด้วยกิจกรรม การจัดงานแสดงสินค้า การเจรจาการค้า "เมล็ดพันธุ์" ในรูปแบบของการตั้งโต๊ะเจรจาการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค การพบปะเพื่อรับทราบถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี กฎหมายที่เกี่ยวของกับการค้าเมล็ดพันธุ์ รวมถึงโอกาสทางธุรกิจเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก และการประชุมสามัญประจำปีของ APSA ซึ่งจะมีการจัดงานที่ประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 14- 18 พฤศจิกายน 2565 นี้
โดยที่ผ่านมาไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำการส่งออก"เมล็ดพันธุ์"ระดับภูมิภาคในปี2557 กรมวิชาการเกษตร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) และสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย (THASTA) ได้ร่วมกันดำเนินงานภายใต้นโยบายศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ (Seed Hub Policy)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการปรับปรุงพันธุ์พืช การผลิตและการค้าเมล็ดพันธุ์ในระดับภูมิภาค
นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ประธานสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิคกล่าวเสริมว่า จากข้อมูลพบว่าในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าการส่งออก "เมล็ดพันธุ์ผัก" และ "เมล็ดพันธุ์ข้าวโพด"โดยรวมเป็นมูลค่า 236 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปีถัดมา แม้ประเทศไทยจะได้รับผลการทบจากปัจจัยความแห้งแล้งและผลกระทบจาก โควิด-19 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเกษตรและห่วงโซ่โดยรวมของภาคอุตสากรรมเมล็ดพันธุ์ ประเทศไทยก็ยังสามารถส่งออก "เมล็ดพันธุ์" ได้เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 239 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้สามารถยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งและการปรับตัวที่ดีของภาคอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ต่อความท้าทายอันหลากหลายที่เกิดขึ้น