"สมศักดิ์ พันธ์เกษม" 1ใน 21 ส.ส. ร้องทบทวนมติพรรคพลังประชารัฐขับออก
ส.ส. นครรราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ "สมศักดิ์ พันธ์เกษม" 1ใน 21 ส.ส. ทำหนังสือร้อง บิ๊กป้อม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทบทวนมติพรรคขับออก ยันไม่เกี่ยวปรับโครงสร้างพรรคของธรรมนัส ชี้มติขับออกไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) "นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม" ส.ส. นครราชสีมา 1 ใน 21ส.ส. ที่พรรคพลังประชารัฐมีมติขับออก ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค เพื่อขอให้ทบทวนมติพรรค
พลังประชารัฐ ที่ให้สมาชิกออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเมื่อ 19 ม.ค.
ท้งนี้หนังสือดังกล่าวมีทั้งหมด 8 หน้า มีสาระสำคัญดังนี้
1. ข้าพเจ้าไม่เคยทราบและไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา จะเสนอให้มีการปรับโครงสร้างขนานใหญ่ตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคแถลง
2.ข้าพเจ้าไม่เคยเรียกร้อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีส่วนร่วมใด ๆ ในการเสนอข้อเรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรคของ ร.อ.ธรรมนัสกับพวก
3.ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีชื่อข้าพเจ้าเสนอต่อที่ประชุมกรรมการ
บริหารพรรคและที่ประชุมส.ส.เพื่อพิจารณาว่า ข้าพเจ้า และ ร.อ.ธรรมนัส และพวก รวม 21 คนเรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรค
4.จากการแถลงข่าวของนายไพบูลย์ ปรากฏว่านายไพบูลย์กล่าวถึง ร.อ.ธรรมนัสแต่เพียงผู้เดียวที่อ้างว่าหากไม่มีการดำเนินการปรับโครงสร้างพรรคจะมีการเคลื่อนไหวต่าง ๆ จากข้อเท็จจริงของการแถลงข่าวนายไพบูลย์จะเห็นว่า การกระทำที่อาจเข้าข่ายหลักเกณฑ์ข้อบังคับพรรคนั้นเป็นการกระทำของ ร.อ.ธรรมนัสแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและส.ส.พรรครายอื่นๆในรายชื่อ 21 คน
5.ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ของข้อเสนอ ร.อ.ธรรมนัสกับพวกทำให้เกิดความเสียหายแก่หลักการแห่งพรรคพลังประชารัฐ
6.หากข้อเสนอให้ปรับโครงสร้างพรรคตามข้อเสนอของร.อ.ธรรมนัสมีอยู่จริง แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ยังไม่นำไปสู่การปฏิบัติหรือดำเนินการใด
7.การมีมติให้ข้าพเจ้าออกจากการเป็นสมาชิกพรรค รวมไปกับร.อ.ธรรมนัสและส.ส.รวม 21 คน โดยอ้างเหตุว่ามีการก่อให้เกิดเหตุร้ายแรงต่อหลักการแห่งพรรค เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเป็นผลกระทบต่อประวัติของข้าพเจ้าและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้าพเจ้าอย่างร้ายแรง ดังนั้น กรรมการบริหารพรรค จึงควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้าก่อนว่าข้าพเจ้าจะทำตามที่ถูกกล่าวอ้างจริงหรือไม่
และ 8.รัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) วางหลักเกณฑ์ไว้ว่าการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและส.ส.แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการลงมติในที่ประชุมนั้นมีสมาชิกจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยและยังมีข้อสงสัยว่าการดำเนินการของที่ประชุมเป็นไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมายหรือไม่
แต่ผู้ดำเนินการประชุมกลับดำเนินการให้มีการลงมติโดยการลงมติครั้งแรกนั้นผลการลงมติของที่ประชุมได้คะแนนไม่ถึง 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ร่วมประชุม ซึ่งถือว่าการลงมติเป็นอันสิ้นสุดแล้ว แต่ผู้ดำเนินการประชุมกลับดำเนินการให้ที่ประชุมอีกครั้งโดยการลงมติครั้งที่ 2 มีการเจรจากับผู้ที่งดออกเสียงขอให้ลงมติให้ข้าพเจ้ากับส.ส.อื่นรวม 21 คนพ้นจากการเป็นสมาชิก แสดงให้เห็นว่ามีการกระทำที่เจตนาจงใจให้ข้าพเจ้ากับส.ส.อื่นรวม 21 คนพ้นจากการเป็นสมาชิกโดยไม่เป็นธรรม เป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ขอให้หัวหน้าพรรคโปรดดำเนินการยกเลิกมติที่ประชุมร่วมกก.บห.และส.ส.ที่มีมติให้ข้าพเจ้าออกจากการเป็นสมาชิกพรรค