ข่าว

ประหารแจ็ค เดอะ ริปเปอร์เมืองไทยฆาตกรต่อเนื่อง

ประหารแจ็ค เดอะ ริปเปอร์เมืองไทยฆาตกรต่อเนื่อง

02 มี.ค. 2553

พิพากษาประหารชีวิต "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกรต่อเนื่องฉายา "แจ็ค เดอะ ริปเปอร์" เมืองไทย ฆ่าสาวท้องอ่อน 5 เดือนหมอนวดแผนโบราณเป็นคดีที่สาม เจ้าตัวสติแตกด่าลั่นกลางศาลทั้งผู้พิพากษา-ทนาย-อัยการ สุดทนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหิ้วปีกกลับไปควบคุมตัวต่อ

หลังจากถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตมาถึง 2 คดี สำหรับหนุ่มใหญ่ฆาตกรต่อเนื่องเจ้าของฉายา "แจ็ค เดอะ ริปเปอร์" เมืองไทย ล่าสุดศาลพิพากษาประหารชีวิตฆาตกรโหดรายนี้เป็นคดีที่ 3 แล้ว โดยเปิดเผยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 มีนาคม ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมคิด พุ่มพวง ฉายา "แจ็ค เดอะ ริปเปอร์" เมืองไทย ฆาตกรต่อเนื่องหมอนวดแผนโบราณ อายุ 41 ปี ชาวนครศรีธรรมราช เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและลักทรัพย์ กรณีฆ่าหมอนวดแผนโบราณหญิง ที่ จ.ลำปาง เมื่อปี 2548

 คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2548 จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายบีบรัดคอ น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย อาชีพหมอนวดแผนโบราณเสียชีวิต ภายในห้องพักเลขที่ 604 โรงแรมเวียงนคร ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง จากนั้นจำเลยมีเจตนาทุจริต ลักเอาทรัพย์สินของผู้ตายทั้งแหวนทอง ต่างหู โทรศัพท์ มูลค่ารวมกว่า 5,000 บาท ก่อนหลบหนีไป ต่อมาตำรวจจับกุมจำเลยได้ จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน แต่ปฏิเสธในชั้นศาลว่า ถูกตำรวจกลั่นแกล้งจับกุม

 ศาลพิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ โดยเห็นว่าโจทก์มีพยานเป็นเพื่อนผู้ตายเป็นหมอนวดแผนโบราณเบิกความว่า ขณะนั่งอยู่ที่โรงแรมทับทิมทอง เห็นผู้ตายนั่งดื่มสุรากับจำเลย ผู้ตายบอกพยานว่าจะไปหลับนอนกับจำเลย 3 วัน 2 คืนได้ค่าตัว 5,000 บาท พยานอีกปากเป็นพนักงานโรงแรม เบิกความว่า เห็นจำเลยพาผู้ตายมาเปิดห้องที่โรงแรมเวียงนคร และเปิดห้องพักหมายเลข 604 สั่งอาหาร สุราไปดื่มกิน

 โจทก์ยังมีพนักงานรับซื้อโทรศัพท์มือถือ ที่จำเลยเอาเครื่องมาขายในราคา 1,000 บาท อีกทั้งสอดคล้องกับลายมือชื่อการลงทะเบียนเข้าพักที่เป็นของจำเลย สภาพศพยังตายมานานกว่า 8 ชั่วโมง มีแผลฟกช้ำ รอยถลอกทั่วร่างกาย ที่โพรงมดลูกขนาดใหญ่พบตัวอ่อนมีอายุครรภ์ 2 เดือน ต่อมามีการสืบสวนของตำรวจกองปราบฯ พบว่าในรอบ 5 เดือน มีการฆาตกรรมหญิงสาวนวดแผนโบราณ 5 คดี

 ศาลเห็นว่าพยานโจทก์ทุกปากเบิกความสอดคล้องกันอย่างชัดเจน พยานไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองมาก่อน พยานที่เห็นจำเลยได้อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ จดจำใบหน้าจำเลยชัดเจน หลังถูกจับกุมของของกลาง 26 รายการ ยังพบเสื้อแจ็กเก็ตของจำเลยตรงกับในโทรทัศน์วงจรปิด แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน โจทก์มีพยานแวดล้อมแน่นหนา คำให้การพยานเลื่อนลอยไม่สามารถหักล้างได้ จึงรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้าย

 พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดหลายบท ให้ลงโทษประหารชีวิต ซึ่งคำรับสารภาพไม่เป็นประโยชน์ ประกอบกับพฤติการณ์จำเลยกระทำการประทุษร้ายอย่างต่อเนื่องใน 5 เดือน เมื่อถูกจับกุม กลับไม่สำนึก กลับไปก่อเหตุส่งผลร้ายต่อสังคม จึงไม่มีเหตุลดโทษ และให้คืนทรัพย์แก่ญาติผู้ตาย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังฟังคำพิพากษา นายสมคิดตะโกนตำหนิคำพิพากษา ศาลจึงชี้แจงว่า ให้จำเลยไปใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ขณะที่นายสมคิดทำตาเหลือก หายใจแรง และหันไปมองค้อนทนายความพร้อมต่อว่าที่ทำงานไม่ดี ขณะเดียวกันอัยการที่มานั่งฟังการพิจารณาคดีบอกให้นายสมคิดเบาเสียงลง แต่กลับถูกนายสมคิดตะคอกด่าว่า อย่ามายุ่ง ถึงขั้นใช้สรรพนาม "มึง-กู" ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลต้องหิ้วปีกนายสมคิดออกไปในสภาพทุลักทุเล

 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คดีนี้เป็นสำนวนที่ 3 ที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วโดยก่อนหน้านี้ ศาลอาญามีคำพิพากษาประหารชีวิตนายสมคิด ก่อเหตุฆ่า น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องสาว "แสงตะวันคาเฟ่" ในห้องพักโรงแรมพลอยพาเลซ จ.มุกดาหาร และพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายสมคิด ก่อเหตุฆ่า น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อายุ 25 ปี อาชีพหมอนวดแผนโบราณ ที่โรงแรมปิยะแมนชั่น ใน จ.บุรีรัมย์