ตร.สำโรงใต้แกะรอยจากทะเบียนรถตามรวบคาบ้าน 2 "โจรกระชากสร้อยทอง" หนัก 2 บาท
ตำรวจสำโรงใต้ เปิดวงจรปิดแกะรอยจากทะเบียนรถ ตามรวบ 2 "โจรกระชากสร้อยทอง" หนัก 2 บาท อ้างเพื่อนรู้จักในคุกชวนไปก่อเหตุ
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 ก.พ. 2565 ขณะที่นายอธิวัฒน์ เรืองเกตุ อายุ 61 ปี ผู้เสียหายกำลังยืนส่องพระเครื่องอยู่ที่แผงเช่าพระริมถนนเลียบทางด่วนบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ถูกคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูงไม่เกิน 165 เซนติเมตร สวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำคาดขาว ใส่กางเกงวอร์ม ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า นูโว เอ็มเอ็กซ์ สีดำ ไม่ทราบทะเบียน เข้ามาประกบด้านหลังและเอื้อมมือมากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองอีก 1 องค์จากคอของผู้เสียหายไป และขี่หลบหนีไปทางวัดบางหญ้าแพรก
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ลงพื้นที่หาเบาะแส โจรกระชากสร้อย และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ก่อเหตุมีด้วยกัน 2 คน โดยคนแรกคอยดูลาดเลาและเป็นคนชี้เป้า ส่วนคนที่สองเป็นคนลงมือก่อเหตุ โดยคนที่ลงมือก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า นูโว เอ็มเอ็กซ์ สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ส่วนคนร้ายที่เป็นคนชี้เป้าขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีขาว ทะเบียน 5 กอ 6404 กรุงเทพมหานคร จึงได้เริ่มแกะรอยจากทะเบียนรถ จนทราบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมี น.ส.ลภัสรดา ของสงวนนามสกุล อายุ 34 ปี เป็นผู้ครอบครองและพักอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ต่อมา ช่วงเย็นของวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.จักรพงษ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า PCX สีขาว ทะเบียน 5 กอ 6404 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่หน้าบ้านโดยมี น.ส.ลภัสรดา ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ และพบตัวนายนที (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี สามีอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ
นายนที ให้การรับสารภาพว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 ก.พ. ตนและนายวัชณะ หรือนายหมู อายุ 42 ปี ร่วมกับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปก่อเหตุจริง โดยมีนายหมู ซึ่งรู้จักกันขณะถูกคุมขังในเรือนจำ สมัยที่ตนต้องโทษ ในคดีวิ่งราวทรัพย์และพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 5 ปี เป็นคนโทรมาชักชวนตนมาก่อเหตุบริเวณดังกล่าว โดยที่นายหมู จะพาตนขี่รถตระเวนหาเหยื่อ และเป็นคนชี้เป้าให้ตนเป็นคนก่อเหตุ โดยนายหมู จะรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า นูโว เอ็มเอ็กซ์ สีดำ มาให้ตนขี่ไปก่อเหตุส่วนรถจักรยานยนต์ของตนนายหมู จะเป็นคนขี่มาจอดดูลาดเลาและชี้เป้าให้ตนลงมา หลังจากก่อเหตุและหลบหนีมาได้ก็จะไปเปลี่ยนรถกันกลางทางและนำสร้อยคอทองคำที่ก่อเหตุมาได้ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งในย่านพระราม 2 ได้เงินจำนวน 53,000 บาท
หลังจากนั้นก็นำเงินมาแบ่งคนละครึ่งก่อนแยกย้ายกันหลบหนี ตนได้กลับมาที่บ้านและมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายนที กลับไปทำการตรวจค้นที่บานพักอีกครั้งได้พบเงินสดจำนวน 24,000 บาท ที่ได้จากการนำทองไปขาย ซุกซ่อนอยู่ในห้องนอนและพบเสื้อผ้าที่สวมใส่ในขณะก่อเหตุพร้อมด้วยหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำคาดขาวที่ใส่ในขณะลงมือก่อเหตุ และยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีขาว ทะเบียน 5 กอ 6404 กรุงเทพมหานคร ที่ใช่ในการก่อเหตุเอาไว้เป็นของกลาง ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี ส่วนนายวัชณะ หรือนายหมู จิตรเหิม อายุ 42 ปี ผู้ร่วมกระบวนการคาดว่าไหวตัวทันได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปถึง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามจับกุมตัวนายวัชณะ ผู้ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
พ.ต.อ.จักรพงษ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุเบื้องต้นพบว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาคนละคัน คนแรกนายหมู เป็นคนขี่มาและเป็นคนชี้เป้า ให้นายนที ที่ถูกจับกุมได้เป็นคนลงมือก่อเหตุ และเท่าที่สอบถามนายนที อ้างว่านายหมู เป็นคนโทรมาชวนตนมาก่อเหตุโดยขี่รถตระเวนหาเหยื่อ และนายหมู จะเป็นคนชี้เป้า ให้ตนลงมือก่อเหตุ หลังก่อเหตุก็นำสร้อยทองไปขายเลยและเอาเงินมาแบ่งกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะ ส่วนนายหมู ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ได้ให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีรวบรวมพยานและหลักฐานเข้าขออนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามจับกุมตัวนายหมู ผู้ร่วมกระบวนการ ให้ได้โดยเร็วเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ไปก่อเหตุที่อื่นซ้ำอีก
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ