ย้อนคดีรุกป่า "สวนผึ้ง" โยง "เจ้าพ่อโรงนวด" นอมินีรับผิดแทน ? (1)
ย้อนรอยคดีรุกป่าสงวน "สวนผึ้ง" โยง "เจ้าพ่อสถานบริการอาบอบนวด" เจ้าของที่ดินตัวจริง ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีค้ามนุษย์ กลับมีข่าวปรากฏตัวที่สวนผึ้ง ปรับไถพื้นที่ คาดเตรียมการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน เลี่ยงโดนยึดทรัพย์ในคดีฟอกเงิน
ประเด็นร้องเรียนจากชาวบ้านในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ว่ามีบริษัทจากนอกพื้นที่ ส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าไปปรับไถหน้าดิน รุกพื้นที่ป่าสงวนร่วมร้อยไร่ แม้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะนำกำลังเข้าจับกุมได้ แต่มีข้อสงสัยจากชาวบ้านผู้พบเห็นว่า คนที่ออกหน้ารับผิด ใช้เจ้าของที่ดินตัวจริงหรือไม่
ร่ำลือกันว่าที่ดินผืนนี้ เจ้าของที่แท้จริงคือ "เจ้าพ่อวงการอาบอบนวดชื่อดัง" ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีค้ามนุษย์ แต่กลับมีข่าวปรากฏตัวที่สวนผึ้ง แถมการปรับไถพื้นที่อาจเป็นการเตรียมการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน เพื่อเลี่ยงถูกยึดทรัพย์ในคดีฟอกเงิน
ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจที่ดินที่บ้านท่าไม้แดง หมู่ 6 ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากชาวบ้าน เราพบว่ามีร่องรอยของการแผ้วถาง เกลี่ยหน้าดิน เสมือนเตรียมที่ดินไว้ทำกิจการบางอย่างจริง ราว 200 ไร่
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปพบกับ กิตติมา บุตรน้ำเพชร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านท่าไม้แดง ตำบลท่าเคย เธอเล่าว่า เธอเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 22 ปี แล้ว และไม่ทราบว่าที่ดินผืนนี้ใครเป็นเจ้าของตัวจริง มีเพียง "เสี่ยโบ๊ท" ที่มักมาแสดงตัวเป็นเจ้าของและคอยจัดการที่ดินผืนนี้ เธอจึงโทรศัพท์ไปพูดคุยกับ เสี่ยโบ๊ท หลังจากทีมลงพื้นที่สอบถามเรื่องนี้
จากคำพูดของ เสี่ยโบ๊ท ที่อ้างว่า "ขอคุยกับผู้ใหญ่ก่อน" จึงอนุมานได้ว่า เสี่ยโบ๊ท อาจไม่ใช่เจ้าของตัวจริง ผู้ใหญ่บ้านยังเล่าให้เราฟังว่า เมื่อกลางปีก่อน มีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจยยึด จับกุมเสี่ยโบ๊ท และบุคคลที่นำแบคโฮมาปรับไถที่ดิน
นอกจากนี้ ทีมข่าวของเรายังเดินทางไปพบ สุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 จ.ราชบุรี โดยหัวหน้าให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายนปีที่แล้ว ได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้หวังดีว่า มีเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่ป่าบริเวณท้องที่บ้านท่าไม้แดง หมู่ 6 ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ เพราะเขามั่นใจว่าพื้นที่บริเวณนี้รุกป่า
เช้าวันถัดมา เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังหลายหน่วยงานเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าบ้านท่าไม้แดง เพราะตรวจสอบแล้วพบว่า อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี และในเขตป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เนื้อที่ประมาณ 68 ไร่ 65 ตารางวา พร้อมตรวจยึดรถแบคโฮ 1 คัน และจับกุม “เสี่ยโบ๊ท” ที่แสดงตัวเป็นผู้แทนบริษัทเจ้าของที่ดิน และเจ้าของรถแบคโฮอีกคนหนึ่ง
หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 จ.ราชบุรี ยังเปิดเผยอีกว่า พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่เอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก จำนวน 4 ฉบับ แต่ละฉบับมีเนื้อที่ 50 ไร่ รวมเนื้อที่ 200 ไร่ และเอกสารสิทธิ์มีชื่อผู้ครอบครองเดิมคือ นาง "ป" ออกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2535 ก่อนโอนมาเป็นชื่อ "นิติบุคคล" ซึ่งเป็นบริษัทแห่งหนึ่งที่ความเชื่อมโยงกับลูกสาวของอดีตเจ้าพ่ออาบอบนวดรายใหญ่ และบริษัทแห่งนี้มี "เสี่ยโบ๊ท" เป็นผู้ถือหุ้น
คดีนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการจังหวัดราชบุรี เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้างแผ้วทางหรือเผาป่าหรือกระทำด้วยการประการใดอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นเว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ดินที่ได้จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรมและรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ผิดมาตรา 55 มาตรา 32 ทวิ ตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 34 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2559 มาตรา 26/1 มาตรา 26/4 และมาตรา 31 มาตรา 35
หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 จ.ราชบุรี ยังทิ้งท้ายว่า หากพบพยานหลักฐานว่าเจ้าของที่ดินตัวจริงคือนิติบุคคล และมีความพยายามในการโยกย้ายถ่ายเทเพื่อป้องกันการถูกยึดทรัพย์ กรณีเป็นหนี้ หรือถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินทางแพ่ง / เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกเพิ่มเติม และจะส่งเรื่องถึงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ให้ตรวจสอบอีกด้วย