ข่าว

วาระดำรงตำแหน่ง "ประธานศาลรัฐธรรมนูญ" ต้องให้กรรมการสรรหาชี้ขาด

วาระดำรงตำแหน่ง "ประธานศาลรัฐธรรมนูญ" ต้องให้กรรมการสรรหาชี้ขาด

16 มี.ค. 2565

ที่ประชุมตุลาการ "ศาลรัฐธรรมนูญ" แนะให้ตุลาการที่กังขา เรื่องวาระดำรงตำแหน่ง "ประธานศาลรัฐธรรมนูญ" แจ้งวุฒิสภา ส่งเรื่องให้กรรมการสรรหา วินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ ก่อนเข้าสู่การประชุมพิจารณาตามวาระปกติ มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอหารือเรื่องเกี่ยวกับ วาระการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่านายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีอายุ 70 ปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้ว จะเป็นผู้มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอันเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่

 

วาระดำรงตำแหน่ง \"ประธานศาลรัฐธรรมนูญ\" ต้องให้กรรมการสรรหาชี้ขาด

ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 208 วรรคสี่ บัญญัติว่า ในกรณีที่มีปัญหา ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตาม (1) หรือ (3) หรือไม่ ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา 203  เป็นผู้วินิจฉัย  คำวินิฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 22 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานตามสมควรว่า ตุลาการผู้ใดพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 18 (1) หรือ (3) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ และให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วในการวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก กรณีที่มีเสียงเท่ากัน ให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

วาระดำรงตำแหน่ง \"ประธานศาลรัฐธรรมนูญ\" ต้องให้กรรมการสรรหาชี้ขาด

 

ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นสมควรให้ตุลาการผู้ที่เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่งคำร้องขอของตนไปยังเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญส่งคำร้องขอดังกล่าวไปให้เลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อประธานกรรมการสรรหาต่อไป

สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 208 ระบุว่าในกรณีที่มีปัญหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดพ้นจากตําแหน่งตาม (1) กรณีขาดคุณสมบัติตามมาตรา 201 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 202  และ (3)  กรณีลาออก  หรือไม่ ให้เป็นหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา 203 เป็นผู้วินิจฉัย คําวินิจฉัยของ คณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด   
สาระสำคัญในวรรคนี้ มิได้ให้อำนาจคณะกรรมการสรรหาฯ มีอำนาจพิจารณา กรณี อายุครบ 75 ปี ซึ่งระบุไว้ในมาตรา 18 (4) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 
ขณะที่มาตรา 79 ระบุให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งดํารงตําแหน่ง ยังไม่ครบวาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อน วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ยังคงอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550หรือพ้นจากตําแหน่ง ตามมาตรา 18 เว้นแต่กรณีตาม (1) ในส่วนที่เกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติตามมาตรา 8 มิให้นํามาใช้บังคับ