ข่าว

นายกฯ เผย ยังไม่มีประกาศ เลิกสวม "หน้ากากอนามัย"

นายกฯ เผย ยังไม่มีประกาศ เลิกสวม "หน้ากากอนามัย"

18 มี.ค. 2565

นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกยังไม่มีประกาศยกเลิกการสวม "หน้ากากอนามัย" ยังต้องใส่ ส่วนการจัดคอนเสิร์ตต้องปฏิบัติตามมาตรการ ฝ่าฝืนสั่งปิดทันที

18 มี.ค. 65  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ถึงข้อเสนอการจัดคอนเสิร์ตสามารถผ่อนคลายได้หรือไม่ รวมทั้งข้อเสนอให้ยกเลิกการสวม "หน้ากากอนามัย"ว่า ก็ให้ไปขออนุญาตให้จัดในที่แจ้ง จำนวนคนเท่าไรก็มีกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่การที่จะไปจัดในสถานที่ปิดมิดชิดที่ยังไม่ให้เปิดก็จัดได้แค่ในลักษณะที่เป็นเหมือนร้านอาหาร

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า สถานที่แบบนี้เมื่อเข้าไปเราไม่ได้ไปห้ามการแสดงดนตรี ก็ขอแสดงกันในที่ไม่ใช่พื้นที่ปิด ในส่วนพื้นที่เสี่ยงวันนี้ก็ตรวจเจอกันหลายพื้นที่ ได้สั่งการกำชับไปแล้วถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรการสั่งปิดทันที ต้องมีความผิดและรับผิดชอบตามกฎหมายเพราะทำให้คนเดือดร้อน ขอเตือนถ้าไม่อยากติดเชื้อ ไม่อยากให้คนในครอบครัวติดเชื้อก็ต้องระมัดระวังตัวเองในการใช้ชีวิต ยังคงต้องระวังอยู่ 


“หน้ากาก"ยังคงต้องใส่อยู่ อย่าเพิ่งไปพาดหัวข่าวว่าจะเลิก ถอดหน้ากาก ยังไม่เลิก เพราะมติ ศบค.ยังไม่ออกตรงนี้ ก็พูดกันไปล่วงหน้ากันเอง  นายกฯ กล่าว
 

ส่วนมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ นายกฯ กล่าวว่า การประชุม ศบค.วันนี้เป็นเรื่องของการปรับมาตรการปรับโซนสีโควิด รวมถึงมาตรการทำอย่างไรให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้เราเปิดประเทศแล้ว ก็มีการปรับปรุงมาตรการอยู่หลายอันที่มีรายละเอียดปลีกย่อย

 

สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นห่วงช่วงนี้ คือ สถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทุกพื้นที่ที่มีการจัดงานต้องระมัดระวังตัวเอง ต้องรับผิดชอบปฏิบัติตามมาตรการในการจัดงานสงกรานต์ ถ้าตรงไหนไม่ปฏิบัติตามต้องถูกปิด ต้องระมัดระวังกัน เพราะเทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีไทยแต่โบราณ 

 

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขอให้ฟังมาตรการของ ศบค.ด้วย และปฏิบัติให้ได้ตามนั้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่มากขึ้น ซึ่งวันนี้สถานการณ์ในต่างประเทศก็มีมากกว่าเราเยอะ แต่มาตรการในการดูแลรักษาเราทำได้ดีกว่าเขา ทั้งเตียง ยารักษา ขณะนี้เราเพียงพอ เรื่องสำคัญอีกประการคือการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 วันนี้มีวัคซีนเพียงพอเตรียมไว้ถึง 3 ล้านกว่าโดส แต่คนก็ยังไม่ค่อยอยากมาฉีดกัน จึงต้องรณรงค์ให้มาฉีดกันมากขึ้น สั่งการให้มีการลงไปฉีดในพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะมีการจัดงานต้องฉีดให้ได้มากที่สุด

 

และให้ระมัดระวังกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว วันนี้มีปัญหาอีกอันคือกลุ่มผู้ที่มีโรคไต ที่จะต้องฟอกไตเมื่อมีโควิด-19 ก็ไปฟอกไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดจึงมีความเสี่ยงสูง ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขในทุกมิติ 

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการจะปรับให้เป็นโรคประจำถิ่นนั้นเป็นเพียงแผนงาน ถ้าเป็นไปได้สถานการณ์ดีขึ้นก็จะสามารถเดินไปสู่จุดนั้นได้ ยังไม่ได้หมายความว่าจะทำเลย เขามีขั้นตอนของเขา ถ้าไม่ผ่านตรงนี้ก็เป็นไปไม่ได้เท่านั้นเอง ก็ต้องใช้วิธีการมาตรการเดิม ๆ ที่เราทำอยู่แล้วให้เข้มงวด