ข่าว

‘สุรนันทน์’ โดดร่วม สร้างอนาคตไทย ดัน สมคิด แคนดิเดตนายกฯ

‘สุรนันทน์’ โดดร่วม สร้างอนาคตไทย ดัน สมคิด แคนดิเดตนายกฯ

23 มี.ค. 2565

อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" โพสต์เฟซบุ๊ก ร่วมพรรคสร้างอนาคตไทย รอประชุมใหญ่ต้นเมษายนนี้ พร้อมดัน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แคนดิเดตนายกฯ

วันที่ 23 มี.ค. 65 "นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ" อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เคลื่อนไหวผ่านเพจเฟซบุ๊ก Suranand Vejjajiva โดยเปลี่ยนภาพปกพร้อมติด #ทีมสมคิด

 

"นายสุรนันทน์" บอกว่า ตนได้พูดคุยกับนายอุตตม สาวนายน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย มาได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเข้าไปร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย แต่ช่วงประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ได้ตัดสินใจว่าน่าจะถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปช่วยงานอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา  จึงคิดว่าหากสามารถกลับเข้าไปช่วยได้ ทั้งการผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจในบางเรื่องหรือเข้าไปช่วยงานในทางการเมืองบางเรื่อง พรรคสร้างอนาคตไทย จึงเป็นพรรคที่น่าสนใจ

"นายสุรนันทน์" กล่าวว่า รู้จักกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มากว่า 30 ปี เมื่อนายสมคิดชักชวน จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับทางพรรคสร้างอนาคตไทย  แม้ว่านายสมคิดจะยังไม่ประกาศตัวว่าจะกลับมาทำงานการเมืองหรือไม่ แต่ในใจของตน คนที่เหมาะสมที่สุดที่น่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งคือนายสมคิด เพราะโจทย์ของปีนี้ และปีหน้าที่ชัดเจนคือ การวางแผนเรื่องเศรษฐกิจ นายสมคิดเป็นคนที่มีประสบการณ์สูง ผ่านมาทั้งรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงแค่นายสมคิดยังไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่ง หากมีโอกาสที่นายสมคิดจะได้เป็นเบอร์หนึ่ง หรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็คิดว่านายสมคิดจะมีประสบการณ์มากพอที่จะรู้ปัญหาและแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายสมคิด

 

นายสุรนันทน์กล่าวว่า ขณะนี้ตนเข้ามาช่วยดูแลนโยบายของพรรคไปก่อน ยังไม่ได้มีตำแหน่งที่ชัดเจน ต้องรอการประชุมพรรคในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ 

เมื่อถามว่า มีความมั่นใจว่าชุดความคิดทางเศรษฐกิจของนายสมคิดจะสามารถช่วยกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ใช่หรือไม่ "นายสุรนันทน์" กล่าวว่า เท่าที่ได้แลกเปลี่ยนกัน คิดว่าประมาณ 90% หากได้เปิดนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติจริงสามารถทำได้ คือสามารถแก้ปัญหาระยะสั้นเกี่ยวกับปัญหาปากท้องได้ และสามารถวางพื้นฐานด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนมากขึ้น