ไฟเขียวชดเชยดอกเบี้ยซื้อ "ยาง" 20,000 ล. ดีเดย์ยื่นร่วมโครงการ 1 - 30 เม.ย.นี้
กยท.เดินเครื่อง โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ "ผู้ประกอบกิจการยาง"(ยางแห้ง)”วงเงิน 20,000 ล้านบาท ไฟเขียวเปิดยื่นคำขอร่วมโครงการ 1-30 เม.ย.นี้ เน้นผู้ประกอบกิจการยาง และสถาบันเกษตรกรรายย่อย หวังให้เกิดการหมุนเวียนผลผลิต และดูดซับยางพาราออกจากระบบ
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ กยท. ได้เห็นชอบให้ดำเนิน โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบกิจการยาง(ยางแห้ง) ที่รับซื้อ "ยาง"จากเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง โดย "ผู้ประกอบกิจการยาง" ที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องซื้อ"ยาง"มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาง ซึ่งมีการกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
ณกรณ์ ตรรกวิรพัท
ทั้งนี้ รัฐบาลโดย กยท. จะสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยในอัตราตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาโครงการ 1 ปี (ไม่เกิน ธันวาคม 2565) วงเงินกู้รวมทั้งโครงการไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนผลผลิต ช่วยดูดซับยางพาราออกจากระบบมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผู้ประกอบการในลักษณะหมุนเวียน เสริมสร้างศักยภาพโครงสร้างอุตสาหกรรมยาง ให้พร้อมแข่งขัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะต้องรับซื้อ "ยาง" ในราคาเฉลี่ยรายเดือนไม่ต่ำกว่า ราคาประกาศเฉลี่ยของ กยท.
การดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ "ผู้ประกอบกิจการยาง"ดังกล่าว ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบกิจการยางรายใหญ่ที่สามารถเข้าร่วมโครงการ แต่กยท.มุ่งหวังให้ผู้ประกอบกิจการยางรายย่อย โดยเฉพาะสถาบันเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดเข้าก็สามารถร่วมโครงการได้เช่นกัน ผู้ว่าการ กยท. กล่าวย้ำ
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะร่วมโครงการดังกล่าว สามารถส่งคําขอพร้อมเอกสารมาที่ ฝ่ายอุตสาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย เลขที่ 50 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 หรือ E-mail: [email protected] หรือสามารถยื่นเอกสารด้วยตัวเองในวันและเวลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2565 โดยจะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) ที่ "ซื้อยาง" มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นผึ่งแห้ง ยางเครป ยางคอมปาวด์ ยางผสม ยางสกิม ไม่ใช่เป็นการดําเนินการรวบรวมผลผลิตเพื่อจําหน่าย เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตค้ายาง ใบอนุญาตตั้งโรงทํายางตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และมีการรายงานข้อมูลบัญชียางให้กับกรมวิชาการเกษตร
นอกจากนี้จะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหนังสือรับรองจากสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในจังหวัดที่โรงงานตั้งอยู่ (แล้วแต่กรณี) แต่ทั้งนี้จะต้องเป็น"ผู้ประกอบกิจการยาง" ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย และมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นมากกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน และสามารถขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้โดยที่สถาบันการเงินนั้นๆ รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กองส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมยาง ฝ่ายอุตสาหกรรมยาง กยท. โทร 02 579 1576 ต่อ 303, 313
ผู้ว่าการ กยท. กล่าวต่อว่า เมื่อผู้ประกอบการยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว คณะกรรมการบริหารโครงการของ กยท. จะเป็นผู้พิจารณากําหนดวงเงินจัดสรรของผู้ประกอบกิจการยาง โดยพิจารณาจากข้อมูลบัญชีการซื้อยางตามแบบยาง 5 ของกรมวิชาการเกษตร กําหนดให้วงเงินจัดสรรไม่เกินมูลค่าซื้อยางเฉลี่ยรายเดือนที่ใช้ซื้อจริงในปี 2564 และไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อราย จากนั้นคณะกรรมการบริหารโครงการพิจารณาอนุมัติเงินชดเชยดอกเบี้ยของผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ กยท.จะขอรับจัดสรรงบประมาณจากสํานักงบประมาณ และจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยแก่ผู้เข้าร่วมโครงการเมื่อสิ้นสุดโครงการ
อย่างไรก็ตามนอกจากการดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว กยท.ยังให้การสนับสนุนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง สหกรณ์ทุกประเภท กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ที่ต้องการขอรับสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อยางพาราเกษตรกรฯและจัดหาปัจจัยการผลิตอีกด้วย ยสามารถเข้าร่วมโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง(วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท)ด้วยการยื่นเอกสารขอสนับสนุนสินเชื่อผ่าน กยท. เพื่อพิจารณาคุณสมบัติ ก่อนส่งเรื่องต่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พิจารณาอนุมัติสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรได้โดยทันที