ข่าว

มาดามเดียร์ หนุนปฏิรูป "รัฐราชการ" แก้ "ปัญหาการศึกษา"

มาดามเดียร์ หนุนปฏิรูป "รัฐราชการ" แก้ "ปัญหาการศึกษา"

29 มี.ค. 2565

ปฏิรูป "รัฐราชการ" ต้องทำควบคู่กับการปรับ Mind set วทันยาวงษ์โอภาสี ชี้ทุกพรรคการเมืองมีเป้าหมายเพื่อประชาชน

วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ค มีเนื้อหาสนับสนุนการปฏิรูปรัฐราชการ มีเนื้อหาว่าใน งานเนชั่นดินเนอร์ทอล์ก อนาคตประเทศไทย 2022 เมื่อคืนนี้ ได้ฟังวิสัยทัศน์ของผู้นำจาก 6 พรรคการเมือง

หลายท่านมีมุมมองคล้ายกันเกี่ยวกับนโยบายการปฎิรูปรัฐราชการ ปรับโครงสร้าง แก้ปัญหาความล้าช้า ไม่ทันสมัยและสิ้นเปลืองงบประมาณ ซึ่งเดียร์มองว่าการปฏิรูประบบรัฐราชการต้องทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยน mind set จากการเป็น “Regulator” มาเป็น “Facilitator” และยังมีประเด็นเรื่องการนำนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาประเทศทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม  รวมถึงระบบราชการเอง

มาดามเดียร์ หนุนปฏิรูป \"รัฐราชการ\" แก้ \"ปัญหาการศึกษา\"

 

เหนือสิ่งอื่นใดคือการแก้ปัญหาการศึกษาที่เป็นเสมือน Bottleneck ของการพัฒนาขีดความสามารถคนไทยมาโดยตลอด และยังมีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญของเมืองไทยที่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ หากไม่รีบจัดการให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ ก็คือ การเข้าสู่ Aging Society หรือสังคมผู้สูงอายุ

มุมมองของแต่ละท่านน่าสนใจ และทุกคนก็ต่างตระหนักถึงปัญหาที่ว่าเหล่านี้ แม้จะต่างพรรคการเมืองแต่ก็มีเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้า แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเหมือนๆกัน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤตโรคระบาด และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี-สิ่งแวดล้อม เราจะออกจากวิกฤตนี้ได้ต้องเริ่มแก้ที่วิกฤตการเมืองก่อน เพราะติดกับดักความขัดแย้ง ตั้งแต่ปี 2548 หรือ 17 ปีมาแล้ว มีการสร้างวาทกรรมต่างๆขึ้นมา เกิดความขัดแย้งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะลดน้อยถอยลง มีแต่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาของรัฐราชการ ที่บริหารงานล้มเหลว เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างสูง 

 

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วิกฤติและภาวะที่ท้าทาย ประเทศไทยต้องการรัฐบาลที่มีศักยภาพมากขึ้น  มีขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน พร้อมทั้งกล่าวถึงงบประมาณที่ขณะนี้ 40% เป็นรายจ่ายประจำปีจะต้องนำไปถูกจ่ายให้กับข้าราชการ  และนำไปสนับสนุนรัฐราชการ อีกทั้งยังสร้างหนี้เพิ่มมากขึ้นและไม่มีงบประมาณที่จะนำมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง เชื่อว่าหากไม่มีการปฏิรูประบบราชการ หรือโครงสร้าง สร้างภาครัฐ ทั้งระบบ เอื้อนายทุน กระจายรายได้ไม่ให้กระจุกตัว คืนอำนาจคืนโอกาสให้กับประชาชนผ่านการปลดล็อคท้องถิ่น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการระเบิดพลังทางเศรษฐกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ระบุว่าปัจจุบันเราอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ไม่เหมือนในอดีตเพราะเป็นวิกฤติระดับประชาชน ที่ไม่ได้จำกกัดเฉพาะคนยากคนจน แต่ชนชั้นกลางกำลังเดือดร้อนอย่างสาหัส  ในช่วง2ปีที่ผ่านมา นอกจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากวิกฤติโควิด19 แถมยังมาเจอวิกฤติของสงครามเข้ามาอีก มาตรการชุดความคิดนโยบายที่อิงกับความคิดในอดีตไม่สามารถที่จะใช้การได้อีกแล้ว ปัจจัยการผลิตหลัก 4 ข้อ ไม่เพียงพอ เราต้องเติมนวัตกรรมเขาไป ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตกรรม หรือผู้ประกอบการ โดยต้องสร้างด้วยการศึกษาที่ดีขึ้น ต้องมีบุคลากรที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้  แต่ทุกอย่างจะไม่สามารถเป็นไปได้หากประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งระบบราชการแบบเดิม ต้องนำระบบราชการทั้งหมดเข้าสู่ระบบดิจิตอล ทำให้ระบบราชการอยู่ในโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่จะตามมาคือประสิทธิภาพและต้นทุนที่ลดลง ทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ทัศนคติ Mindset เปลี่ยนแปลงระบบราชการเพื่อปลดล็อกระบบเศรษฐกิจให้กับภาคเอกชนและประชาชน ประเทศไทยจะก้าวหน้าได้

 

นายอุตตม สาวนายน ผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สุ่มเสี่ยงและน่าห่วง เราเผชิญวิกฤติเชิงซ้อนที่ตอกย้ำและเขย่าโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่เปราะบางอยู่แล้ว ยังต้องพบกับความทุกข์จากค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ผู้ประกอบการถูกซ้ำเติมด้วยต้นทุนการผลิตที่ทะยานขึ้นรวดเร็ว และยังมีโครงสร้างรัฐราชการที่เป็นโครงสร้างรวมศูนย์การตัดสินใจและอำนาจมาในอดีต แต่โครงสร้างแบบนี้ไม่สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากวิกฤตินี้ หากไม่มีการปฏิรูปนับวันจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและอนาคตที่สดใสของคนไทยหรือไม่