หวั่น! "เรียนออนไซต์" สะดุด "โฆษกศธ." ชี้หากเด็กไปที่เสี่ยงติดโควิด | คมชัดลึก

ใกล้เปิดเทอม1/2565 ในเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว แต่ยังมีข้อกังวลใจของผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงปิดเทอมหากนักเรียนไปทำกิจกรรมในพื้นที่เสี่ยงติดโควิด-19 อีกทั้ง "โฆษกศธ." พบว่ายังมีนักเรียนบางกลุ่มรับวัคซีนจำนวนน้อย อาจจะทำให้การ "เรียนออนไซต์" สะดุด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565 นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (รองปลัด ศธ.) ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (โฆษกศธ.) ระบุว่า ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีความเป็นห่วงกลุ่มนักเรียนช่วงปิดภาคเรียน เพราะเสี่ยงที่เด็กจะไปรวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะร้านเกม และตู้เกม ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 นั้น ในประเด็นดังกล่าวนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้รับทราบข้อมูลนี้แล้วและมีความเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างมากเช่นกัน 

รมว.ศธ.ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้กำชับให้สถานศึกษาย้ำไปถึงผู้ปกครอง ให้กวดขันดูแลนักเรียนในช่วงปิดภาคเรียนนี้เป็นพิเศษ 

พร้อมแจ้งให้หลีกเลี่ยงการไปรวมตัวในสถานที่ที่เสี่ยง เนื่องจากอยากให้การเปิดภาคเรียนใหม่ในปีการศึกษา 2565 นักเรียนและครูมีความพร้อมในการ "เรียนออนไซต์" มากที่สุด เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การเรียนในรูปแบบออนไลน์เติมคุณภาพของผู้เรียนได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร

สำหรับข้อมูลการจัดฉีดวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ให้กับนักเรียนอายุ 12-18 ปี และครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ในส่วนของนักเรียนอายุ 12-18 ปี ขณะนี้มีการดำเนินการจัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับนักเรียนไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนที่มาลงชื่อเพื่อขอรับการฉีดในภายหลัง จึงทำให้การฉีดให้เด็กกลุ่มนี้ยังไม่ครบ 100% แต่คาดว่าก่อนเปิดเทอมในเดือน พฤษภาคมนี้ นักเรียนกลุ่มนี้จะฉีดเข็มที่ 2 เกือบครบทั้ง 100% แน่นอน

“นักเรียนกลุ่มนี้ไม่ค่อยห่วง เนื่องจากเป็นเด็กโตได้ระดมฉีดวัคซีนแล้ว แต่ศธ.เป็นห่วงกลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุ 5-11 ปีมากกว่า ซึ่งในเด็กกลุ่มนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความยินยอมในการฉีดวัคซีน” โฆษกศธ. ระบุ

โฆษกศธ. กล่าวอีกว่า ดังนั้นจะเป็นหน้าที่ของศธ.ที่จะต้องเร่งทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ผู้ปกครองรับทราบต่อไป ส่วนการฉีดวัคซีนให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษานั้นจะเหลือการฉีดเข็มบูสเตอร์ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นฉีดไปแล้วเกือบร้อยละ 50 ขณะนี้ตนกำลังสำรวจตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเปิดเทอมใหม่