ข่าว

"ฝ่ายค้าน" ยกข้อกล่าวหาเดิม "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" หลังผ่านกฎหมายลูก

"ฝ่ายค้าน" ยกข้อกล่าวหาเดิม "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" หลังผ่านกฎหมายลูก

26 เม.ย. 2565

"ฝ่ายค้าน" เล็ง "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" รายบุคคล หลังกฎหมายลูกผ่าน หวั่น เกิดmางทางตันทางการเมืองหาก "ยุบสภา" ก่อน

ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งนำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายภูมิธรรม เวชยชัย กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย และตัวแนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งขณะนี้แต่ละพรรคได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมความพร้อมทั้งประเด็นการอภิปราย เอกสารและหลักฐานเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการยื่นญัตติให้เร็วที่สุด ซึ่งเวลาที่เหมาะสมคือ ภายหลังจากการพิจารณากฎหมายลูก หรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ในวาระที่ 3 แล้ว

\"ฝ่ายค้าน\" ยกข้อกล่าวหาเดิม \"อภิปรายไม่ไว้วางใจ\" หลังผ่านกฎหมายลูก

เนื่องจากเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีกฏหมายลูกสำหรับใช้ในการเลือกตั้งเมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจยุบสภาหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนที่กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับจะแล้วเสร็จ อาจทำให้เกิดทางตันทางการเมืองหรือเดดล็อก

โดยที่ประชุมก็ได้มอบหมายให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ยกร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เพื่อนำเสนอที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อพิจารณาต่อไป

สำหรับข้อสรุปร่วมกันในกรอบเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังเป็นข้อกล่าวหาที่เคยใช้อภิปรายมาแล้วหลายครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่ความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา   /จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฏหมาย ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม /การทุจริตต่อหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง / ไม่ปฎิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา / การละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และ การทำลายประชาธิปไตย และระบบรัฐสภา