"เต้ มงคลกิตติ์" ลงเรือจำลองเหตุการณ์ "คดีแตงโม" พร้อมปล่อยหุ่นจำลองลงน้ำ
"เต้ มงคลกิตติ์" พาสื่อลงเรือจำลองเหตุการณ์ "คดีแตงโม" ต่อพร้อมหุ่นจำลอง เตรียมทำคลิปส่งอัยการพิจารณา ชมสื่อทำหน้าที่ดีแล้วแต่ตำรวจทำผิดพลาดใจสาระสำคัญของคดี
เมื่อเวลา 15.00 น. นาย "มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์" ได้นัดหมายสื่อมวลชนมาลงเรือที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อนำคณะสื่อมวลชนร่องเรือจำลองเหตุการณ์ในวันที่ดารานักแสดงสาวแตงโม นิดา พลัดตกเรือสปีดโบ๊ท โดย ทางนาย "มงคลกิตติ์" ได้เตรียมเรือหางยาว 2 ลำ และ เรือสปีดโบ๊ท อีก 1 ลำ พร้อม "หุ่นจำลอง" น้ำหนัก 7-8 กิโลกรัม เพื่อเตรียมจำลองเหตุการณ์ เกี่ยวกับกระแสน้ำ ที่จะพลัดดูดหากตกลงไปในน้ำขณะเรือ ที่มีความเร็ว ประมาณ 13 กม./ชั่วโมง
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ในการจำลองเกตุการณ์ในวันนี้จะจำลองตั้งแต่ขากลับที่เรือสปีดโบ๊ทล่องกลับ มาจากร้านอาหารครัวตานิดพร้อมกับแวะสำรวจในจุดที่ต้องสงสัยอีกท่าทรายอีกแห่งรวมถึงจุดที่มีการขอเข้าห้องน้ำด้วย ซึ่งนอกจากนี้ตะมีการจำลองหุ่นในลักษณะการตกเรือทั้ง 4 ทิศเพื่อทำเป็นคลิปหลักฐานในการส่งให้อัยการพิจารณาต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากหลังพบร่างน้องแตงโมแล้วพบว่าในมือของน้องมีการกำทรายไว้ในมือด้วย ซึ่งทรายนี้ทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัยมากมาย เนื่องจากในแม่น้ำเจ้าพระยานั้นน้องแตงโมจะไปเอาทรายจากไหนมากำไว้ในมือ
นอกจากจะตกในจุดตื้น ไม่น่าจะตกกลางแม่น้ำ ซึ่งถ้าทรายในมือของน้องแตงโมที่พบเป็นทรายล้วน ๆ ไม่ใช่ทรายผสมโคลน ตนว่าสำนวนในคดีต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่ออีกว่า แม้ทางตำรวจจะนำสำนวนคดีส่งมอบให้อัยการไปแล้วก็ตาม แต่เป็นช่วงที่ทางอัยการกำลังพิจารณาสำนวนอยู่ ดังนั้นหากใครมีเบาะแสต่างๆที่ตะเป็นประโยชน์กับคดีนี้แล้ว สามารถยื่นให้อัยการพิจารณาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้ เพราะถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ทุกคนร่วมตรวจสอบกันได้ ตนไม่หวั่นว่าหลังจากนี้ไปจะถูกฟ้องร้องต่ออีกหรือไม่ เพราะตนทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่ต้องทำงานพิสูจน์หาความจริงเพื่อคลี่คลายคดีให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ตนได้เตรียมร่าง พรบ.การพิจารณาเอาไว้แล้ว ซึ่งเมื่อสภาผู้แทนเปิดประชุมเมื่อไร ตนจะใช้เสียง ส.ส.ประมาณ 20 เสียง ในการสนับสนุนยื่นร่างนี้อีกด้วย นอกจากนี้ตนขอชมชื่นสื่อมวลชนที่ช่วยซักถามข้อสงสัยในคดีต่างๆวันที่ตำรวจแถลงปิดคดี แม้ว่าในการถามตรงๆของสื่อ จะไม่ได้รับคำตอบหรือความกระจ่างใดๆ กลับมา ซึ่งทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้ได้ทำผิดพลาดในส่วนที่เป็นสาระสำคัญมากที่สุดอีกด้วย
