ข่าว

สสส.จับมือ อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมแก้ไขปัญหา "อุบัติเหตุบนถนน"

สสส.จับมือ อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมแก้ไขปัญหา "อุบัติเหตุบนถนน"

03 พ.ค. 2565

สสส. จับมือ อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ จัดเวทีสาธารณะ ผนึกกำลังภาคี "ความปลอดภัยทางถนน" ร่วมแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ ผุดไอเดีย เป็นหู เป็นตา เพื่อสังคม

จากสถิติการเกิด "อุบัติเหตุบนท้องถนน" ของประเทศไทย พบว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าสองหมื่นคนต่อปีโดยกว่าครึ่งเป็นเด็กและเยาวชน โจทย์ท้าทายจะทำอย่างไรที่จะให้ภาคีเครือข่ายด้าน "ความปลอดภัยทางถนน" ได้เห็นโอกาสมาทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้คนไทยมีจิตสำนึก และมีวัฒนธรรมใหม่ในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และมีการผลักดันสู่ระดับนโยบาย เพื่อลดสถิติการเสียชีวิตจาก "อุบัติเหตุ" โดยเฉพาะกับเยาวชน

 

อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมเวทีสาธารณะ Road Safety Social Lab โครงการพัฒนารูปแบบความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนสุขภาวะที่ดีของเยาวชนไทย ขึ้นที่ "สสส." ระดมสมองภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนและมูลนิธิเมาไม่ขับ  เพื่อร่วมหาทางออกแก้ไขปัญหา "อุบัติเหตุทางถนน" และลดเสียชีวิต ปิ๊งแว้บแนวคิด จัดตั้ง Social Enterprise :SE  เป็นหู เป็นตา เพื่อสังคม เชื่อมทุกภาคี สื่อสารสร้างพลัง ทำต่อเนื่อง มั่นใจคนไทยเปลี่ยนได้    

 

ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้ง Imagine Thailand Movement  กล่าวว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้ชวนภาคีเครือข่าย สสส.ที่ขับเคลื่อนเรื่องอุบัติเหตุในประเทศไทย มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมระดมสมองในห้องปฏิบัติการทางสังคม  RoadSafety Social Lab ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน "ความปลอดภัยทางถนน" เช่น การยกระดับสภาพแวดล้อม กลไกเฝ้าระวัง การสร้างจิตสำนึก  การใช้พลังสังคม (Social Sanction)และการปลูกฝังความรู้ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

 

 

 

    สสส.จับมือ อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมแก้ไขปัญหา \"อุบัติเหตุบนถนน\"

 

โดยหนึ่งในกลไกสนับสนุนแนวยุทธศาสตร์ให้เกิดขึ้นได้จริง คือ การมีเจ้าภาพ หรือหน่วยงานกลางที่ดูแลเรื่อง "ความปลอดภัยทางถนน"นั่นคือการตั้ง เป็นหู เป็นตา เพื่อสังคม ซึ่งเมื่อ 28 เมษายนที่ผ่านมา เราได้มีการจัดเวทีสาธารณะ ชวนผู้ที่มีส่วนได้เสีย หน่วยงานที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้ มาร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์ และแนวทางแก้ไขปัญหาและแนวทางในการผลักดัน เป็นหู เป็นตา ฯ ให้เกิดขึ้น

 

การตั้ง เป็นหู เป็นตาฯ ถือเป็นความท้าทาย เราจะเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยในเร็ว ๆ นี้ จะตั้งเป็นบริษัทจำกัดก่อน หลังจากนั้นค่อยจดเป็น Social Enterprise ซึ่งจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้นำและผู้รู้อีกมากมาย ที่ขับเคลื่อนเรื่อง "ความปลอดภัยทางถนน" มาทำงานร่วมกัน ซึ่งการดำเนินงานภายใต้ร่วมมือกันหลายภาคส่วนนั้นเป็นเรื่องยากแต่สามารถทำได้ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก "อุบัติเหตุบนท้องถนน" จะกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม จึงต้องสร้างการตระหนักรู้ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในสังคม  ดร.อุดม กล่าว

      สสส.จับมือ อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ ร่วมแก้ไขปัญหา \"อุบัติเหตุบนถนน\"

 

ทั้งนี้แนวคิดในการจัดตั้ง Social Enterprise ดังกล่าว เป็นผลพวงจากการประชุมระดมสมองมาอย่างต่อเนื่องของกลุ่มผู้ก่อการดี Road Safety  ที่ประกอบด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช  เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ดร.อุดม         หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้ง ImagineThailand Movement   อรรถ เหมวิจิตรพันธ์ อดีตรองประธานกรรมการ บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร องค์กรสนับสนุนป้องกันอุบัติเหตุจราจร นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ ผู้จัดการแผนงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก ด้าน "ความปลอดภัยทางถนน" และรองประธาน สอจร. สมเกียรติ โมราลาย  นักวิชาการอิสระ/ผู้ทรงคุณวุฒิภาครัฐ  

 

โดยล่าสุด ยังชวนภาคเอกชน เช่น วิริยะประกันภัย  บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด  บริษัท เอ พี ฮอนด้าจำกัด นพดล สันติภากรณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ทัศนีย์  ศิลปบุตร  ผู้แทน Safer Roads Foundation ประจำประเทศไทยและผู้บริหาร สสส.  มาร่วมให้ข้อคิดเห็นและยังได้เข้าพบนายมีชัย วีระไวทยะ ซึ่งสนับสนุนให้มีการลดอัตราการเสียชีวิตจาก "อุบัติเหตุ" อย่างเต็มที่เพื่อปรึกษาและขอคำแนะนำ   

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลักและผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า  เป็นที่น่ายินดีที่หลายฝ่ายมาร่วมคิด ซึ่งจากสถานการณ์ความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่ยังมีแนวโน้มรุนแรง จำเป็นจะต้องมีวิธีการใหม่ ๆ การที่มี เป็นหู เป็นตา เพื่อสังคม จะเป็นจุดคานงัดสำคัญ ที่เชื่อว่า หากร่วมกันทำต่อเนื่อง ดึงพลังสังคมได้จริง จะมีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงได้ และน่าจะเป็น Social Enterprise แรกๆ ที่ สสส.เข้ามาร่วมงานในรูปแบบนี้ นับเป็นความหวังของผู้ที่ขับเคลื่อนและรณรงค์เรื่องอุบัติเหตุในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

 

นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ขับเคลื่อนประเด็นอุบัติเหตุมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า ทำมูลนิธิเมาไม่ขับมา 30 ปี คนไทยรู้เรื่องเมาไม่ขับเป็นอย่างดี แต่บางส่วนไม่เปลี่ยนนิสัย ถ้ามูลนิธิยังคงทำแบบเดิมคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะคนทำผิดรู้วิธีการเอาตัวรอดจากการทำผิดกฎหมาย และต่างคิดว่าเป็นความซวยจึงถูกจับ แต่พอมีโซเชียลมีเดีย มีกล้องติดรถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้มาก เรื่อง "ความปลอดภัยบนท้องถนน" ต้องเริ่มที่ตัวเรา ต้องช่วยกันมาเป็นหู เป็นตา  

 

นายอรรถ เหมวิจิตรพันธ์  อดีตรองประธานกรรมการ บ. เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานมากที่ทำเรื่องอุบัติเหตุแต่ไม่มีการต่อยอดเชื่อมโยงกัน ต่างคนต่างทำ ผลลัพธ์ก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม วันนี้เราจึงมานั่งคิดกันว่าน่าจะมี SE ที่จัดตั้งมาเป็นตัวกลาง ดูแล เชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์จริง เราต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ใช้เทคโนโลยีและพลังสังคมช่วยขับเคลื่อน

 

และในเวทีนี้ นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ ผู้จัดการแผนงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลกด้านความปลอดภัยทางถนนและรองประธาน สอจร.ได้หยิบยก ภูเก็ตโมเดล  ลดอุบัติเหตุ สู่เมืองปลอดภัย        มาเล่าให้ฟังว่า ปัจจัยสำเร็จ คือ เรื่อง 5 ส. โดยใช้ข้อมูลเป็นตัวหลักในการบ่งชี้ปัญหา ใช้หลักการทำงานร่วมกัน และทำให้ทุกคนมีเป้าหมายร่วมในการลดการสูญเสีย สร้างความไว้วางใจ ทำให้เกิดความผูกพันของคนที่ทำงานร่วมกันสิ่งนี้จะนำไปสู่ความยั่งยืน

 

ซึ่งในภาพรวม ภูเก็ตโมเดลฯ จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีสถิติลดลงอย่างชัดเจน ก่อนปี 2550 อัตราผู้เสียชีวิต 300 กว่าราย ปี 2563 เหลือเพียง 130 กว่าราย และปี 2564 ช่วงสถานการณ์โควิด-19 เหลือเพียง 90 กว่าราย เป้าหมายต่อไปต้องการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือต่ำกว่า 50 ราย ภายในปี 2570

 

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เป็นหู เป็นตา เพื่อสังคม มีความจำเป็น อุบัติเหตุเป็นเรื่องของทุกคนและป้องกันได้โดยทุกคนต้องช่วยกัน เป็นหู เป็นตา เพื่อไปสู่เป้าหมายลดการสูญเสียจาก "อุบัติเหตุบนท้องถนน" ลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่สำคัญยังทำให้ครอบครัวและสังคมโดยรวมอยู่กันอย่างปลอดภัย และมีความสุข  ทั้งนี้ ผู้สนใจ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวการขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ ได้ทาง Website และ Facebook Page: Imagine Thailand Movement