ตัวแทนชาวบ้าน อ.คอนสาร ชูป้ายไม่เอาลัทธิ "ประหลาด"
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะ "ผู้ว่าฯ" ชัยภูมิ ท่านได้เดินทางลงมาทำการตรวจสอบและดำเนินการด้วยตนเอง จนสามารถคลี่คลาย
วันที่ 9 พ.ค. 65 กรณีชายคนหนึ่งอ้างตัวเป็น พระบิดาของทุกศาสดา สามารถรักษาโรคภัย และเป็นผู้ที่สร้างโลก สั่งสอนให้ลูกศิษย์ที่อยู่ในอาศรม ให้กินคราบเหงื่อไคลขี้ไคล ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะของพระบิดา เพราะเป็นยารักษาโรค ในพื้นที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ
วันนี้ตัวแทนชาวบ้านไทคอนสาร ชูป้ายขับไล่พระบิดาและสาวก พ้นอาณาเขตอำเภอคอนสาร โดยนายชูวิทย์ ล่องแซง ประธานชมรมผู้บริหารท้องถิ่น อ.คอนสาร และนางสายทอง บัวดี กำนัน ต.คอนสาร ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านคอนสาร นำตัวแทนชาวบ้าน รวมกว่า 100 คน เขียนป้ายแสดงความความไม่พอใจ กับการกระทำของชายที่อ้างตัวเป็นพระบิดาดังกล่าว
ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ผ่านทางนายเสกสรร สวัสศรี นายอำเภอคอนสาร เรียกร้องให้ ทางจังหวัดสั่งการให้ขับไล่ผู้นำลัทธิประหลาดและสาวก ออกจากชุมชน และเรียกร้องนำที่สาธารณะประโยชน์ ที่ชายอ้างเป็นพระบิดาพร้อมกับพวก ยึดมาครอบครองขยายเป็นอาณาจักร สร้างลัทธิความเชื่อ กลับคืนมาเพื่อใช้ประโยชน์ร่วม ทั้งนี้ชาวบ้านยื่นหนังสือ ยืนยันไม่เอาลัทธิประหลาด พร้อมให้ดำเนินการถึงที่สุด
ทั้งนี้นายอำเภอคอนสาร เดินทางลงมารับหนังสือด้วยตนเอง พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอำเภอคอนสาร และขอบคุณชาวบ้าน ที่เป็นชาวอำเภอคอนสารอย่างแท้จริง ที่ร่วมกันออกมาปกป้องบ้านเกิดของตนเอง
ตนยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ท่านได้เดินทางลงมาทำการตรวจสอบและดำเนินการด้วยตนเอง จนสามารถคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ตนเองมั่นใจว่าสิ่งที่ชาวบ้านร้องขอมา ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนมีความประสงค์ไม่ต่างกัน หลังจากที่นายอำเภอรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน พร้อมรับปากว่าจะดำเนินการตามที่ชาวบ้านประสงค์ ชาวบ้านต่างพึงพอใจและเดินทางกลับในที่สุด
ซึ่งวันเดียวกันนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบพื้นที่สำนักพระบิดา และควบคุมตัวชายที่อ้างเป็นพระบิดา มาสอบสวนที่ สภ.คอนสาร พร้อมกับนำโลงศพที่พบออกมา
พันตำรวจเอกวัฒนชัย จันทร์ทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร ยอมรับว่า สภาพศพส่วนใหญ่ อยู่ในสภาพที่แห้งและเหลือเพียงโครงกระดูก จำเป็นต้องนำไปเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสม เพื่อรอผลพิสูจน์อย่างเป็นทางการเสียก่อน จึงจะมอบให้กับญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนชายที่อ้างตัวเป็นพระบิดาของทุกศาสนานั้น จะได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอำเภอภูเขียวต่อไป
วิรัตน์ ดวงแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชัยภูมิ